05 กรกฎาคม 2552

วรวิชญวิทย์ ประเสริฐยิ่ง

อุตส่าห์พยายามว่าจะเขียนบันทึกก็ไม่มีโอกาสได้เขียนสักที สืบเนื่องด้วยงานที่มากมายและรุมเร้าจนไม่ได้ว่าง บวกกับอารมณ์ที่บางทีก็ไม่มีอารมณ์ที่อยากจะระบายออกมาเป็นคำพูดหรือหลักฐานไว้ สุดท้ายก็เลยต้องดองเค็มบันทึกของข้าพเจ้าไปเรื่อยๆ วันนี้พอมีเวลาว่างๆ หน่อย ตอนแรกก็อยากจะเขียนบันทึกระบายนะ แต่เปลี่ยนใจมาเขียนเกี่ยวกับตัวเองดีกว่า

จากคราวที่แล้วที่เคยบอกว่าได้ทำการเปลี่ยนชื่อใหม่ไป ก็ได้ไปหาฤกษ์และยามที่สะดวกจนได้ไปเปลี่ยนเมื่อวันที่ ๙ มีนาคม ๒๕๕๒ ที่ผ่านมา หลังจากที่ใช้ชื่อ"วชิรัตน์ ประเสริฐยิ่ง"มาเกือบ ๒๓ ปี ก็ไปทำการไปเปลี่ยนชื่อใหม่ ตอนแรกก็ว่าจะเปลี่ยนตั้งแต่มัธยมล่ะ แต่ก็ไม่กล้าพอที่จะไปเลี่ยน โดยการดูดวงและเปลี่ยนชื่อทั้งหมดเป็นการทำด้วยตนเองครับ ไม่ได้ปรึกษาหมอดูสักหน่อย ดูเองเนี่ยล่ะ

ทำไมถึงเปลี่ยนเหรอ? เนื่องด้วยข้าพเจ้าเป็นคนที่งมงายและเชื่อในโหราศาสตร์นิดหน่อยครับ ชอบดูดวงเองไปเรื่อย นามสกุลดูแล้วมีแค่"ฐ"เป็นกาลกิณี แต่ชื่อเดิมเนี่ยพอวิเคราะห์ชื่อตามหลักเลขศาสตร์ตามคำทำนายโบราณ ท่านกล่าวไว้ว่า
กำลังดาวได้เลข 37 เลข 37 เป็นเลขน่ากลัว ระวังการทะเลาะวิวาท ความขัดแย้ง อุบัติเหตุ ตลอดจนโรคร้ายคอยรังควาญ ชีวิตไม่ค่อยราบรื่น 3 (อังคาร) ก็ร้าย 7 (เสาร์) ก็ใช่ย่อย เมื่ออยู่ด้วยกันทำให้ชีวิตขลุกขลัก ขึ้น ๆ ลง ๆ

พอนำมารวมกับนามสกุลแล้ววิเคราะห์ก็ได้ว่า
กำลังดาวได้เลข 88 เลข 88 ดับเบิล 8 ผาดโผนอย่างยิ่ง ขึ้นปรู๊ด ลงปร๊าดตื่นเต้นดี ราหูกำลังสองมักเอาแต่ใจตัว เชื่อตัวเองมากเกินไป ใครอย่ามาเตือนให้ยาก ระวังมรณกรรมผิดปกติ


เลยตัดสินใจจะเปลี่ยนชื่อไม่เปลี่ยนนามสกุล เพราะนามสกุลวิเคราะห์ชื่อตามหลักเลขศาสตร์ตามคำทำนายโบราณ ท่านกล่าวไว้ว่า
กำลังดาวได้เลข 51 เลข 51 ได้รับอิทธิพลจากดาวอาทิตย์ (1) และดาวพฤหัสบดี (5) ทำให้เป็นคนที่มีสติปัญญาแตกฉาน ปฏิภาณไหวพริบดี มีความสำเร็จในชีวิต นอกจากนั้น 1 กับ 5 รวมกันเป็น 6 คือดาวศุกร์ บ่งบอกถึงเป็นคนมีอารมณ์สุนทรีย์ รักในศิลปะ รสนิยมวิไล ชอบความรื่นรมย์ มีพรสวรรค์ มีฝีมือละเอียดอ่อนประณีต มักจะมองโลกในแง่ดีเสมอไม่ชอบเก็บตัว มีมิตรสหายมาก และเป็นที่รักของมิตรสหาย


แล้วนามสกุลที่มีอยู่ก็มีปัญหาอย่างว่าต้องหาชื่อมาประกอบไม่สั้นๆ ก็ต้องยาวมากๆ แล้วส่วนตัวอยากได้ ว.แหวน (ในวรรคเดช) เป็นตัวแรกของชื่อเหมือนเดิม ดูไปดูมาเปิดตำราไปมาก็ชอบคำว่า"วิชญวิทย์" อ่านว่า วิด-ชะ-ยะ-วิด ดูเป็นการเล่นคำดี และความหมายก็ดี แต่พอรวมกับนามสกุลแล้วเลขที่ได้ยังไม่ดีพอ เลยเติม"วร"เข้าไปให้ได้ความสมบูรณ์ยิ่งขึ้น

วรวิชญวิทย์ พอนำไปวิเคราะห์ชื่อตามหลักเลขศาสตร์ ตามคำทำนายโบราณ ท่านกล่าวไว้ว่า
กำลังดาวได้เลข 54 เลข 54 รวมกันได้ดาวเกตุ (9) เรียกว่ามี “องค์รักษา“ เป็นเลขที่แสดงถึงนิมิตรแห่งความสำเร็จ ชีวิตมักได้รับความคุ้มครองจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เป็นคนที่เรียนรู้ง่าย มีสติปัญญาแตกฉาน เข้าใจอะไรได้ง่าย อุปสรรคในชีวิตมีน้อย แต่ต้องระวังอุบัติเหตุจากยานพาหนะ และระวังเกี่ยวกับสายตา


พอนำไปรวมกับนามสกุลเป็น"วรวิชญวิทย์ ประเสริฐยิ่ง"แล้วนำไปคำนวน ตามคำทำนายโบราณ ท่านกล่าวไว้ว่า
กำลังดาวได้เลข 15 เลข 15 เป็นกำลังดาวจันทร์ เป็นคนมีเสน่ห์ มีปัญญา ปฏิภาณว่องไว เข้าได้กับคนทุกระดับ อ่านใจคนเก่ง มักจะมีผู้ใหญ่คอยให้การอุปถัมภ์ค้ำจุนช่วยเหลือตลอด มักจะได้รับของตอบแทน ทั้งสิ่งของและเงินทองจากบุคคลอื่นเสมอ แต่อาจเป็นคนขี้สงสารคนอื่น จึงทำให้ถูกหลอกได้ง่าย จึงต้องระวังเรื่องหูเบา อย่าเชื่อใจใครง่าย ๆ โดยไม่ไตร่ตรอง 1 กับ 5 รวมกันเป็น 6 คือดาวศุกร์ บ่งบอกถึงเป็นคนมีอารมณ์สุนทรีย์ รักในศิลปะ รสนิยมวิไล ชอบความรื่นรมย์ มีพรสวรรค์ มักจะมองโลกในแง่ดีเสมอไม่ชอบเก็บตัว มีมิตรสหายมาก และเป็นที่รักของมิตรสหาย เป็นนักพูดชั้นดี คารมดึงดูด เหมาะกับการเป็นนักปกครอง นักบริหาร


แถมอีกนิดๆ วิเคราะห์ชื่อตามหลักอายตนะ 6 ชื่อ วรวิชญวิทย์ มีค่าอายตนะ 6 เท่ากับ 8 ตามคำทำนายโบราณ ท่านกล่าวไว้ว่า
อายตนะ 6 หมายเลข 8 เปรียบดังเจ้าคนนายคน มีบารมี เป็นหัวหน้าเป็นผู้จัดการ เป็นที่เคารพยำเกรงแก่ผู้คน เจ้าชะตามักต้องแบกภาระ แต่มีความสุขกาย สุขใจดี มีอำนาจวาสนา มีหน้าที่ต้องรับผิดชอบมาก


สรุปเลยใช้ชื่อใหม่ว่า"วรวิชญวิทย์ ประเสริฐยิ่ง" และก็ชอบเวลาที่เขียนเป็นภาษาอังกฤษด้วยนะ เพราะจะเขียนด้วย W ถึง ๓ ตัว เหมือน www เอิ๊กๆ Worawitchayawit Prasoetying และดูเป็นพ่อมดที่ฉลาดคล้ายๆ ความหมายภาษาไทยด้วยที่แปลกว่านักปราชญ์ที่ดีและมีความรู้ หุหุ เท่สุดๆ

ป.ล.บันทึกคราวนี้ยาวมากๆ เต็มไปด้วยความเชื่อและความงมงายล้วนๆ อ่านแล้วก็ใช้วิจารณญาณด้วยนะครับ

02 พฤษภาคม 2552

เรียนจบแล้วววว

ไม่ได้เขียนบันทึกนานถึงเกือบ 3 เดือน เพราะไม่ค่อยได้ว่างเท่าไร มีธุระในช่วงที่ผ่านมามากมาย ทั้งสอบปลายภาค กลับบ้านไปเปลี่ยนชื่อใหม่(ตอนนี้ชื่อจริงใหม่แล้วนะ ไว้จะมาเขียนเล่าเรื่องๆ) ไปทริปซีเนียร์กับเพื่อนๆ แล้วก็ต้องเริ่มงานอย่างเต็มตัวกับบริษัท เด็กดี อินเตอร์แอคทีฟ จำกัด อย่างเต็มตัว หลังจากที่ทำเป็นพาร์ทไทม์มานานแสนนาน

นอกจากจะใช้ชื่อใหม่ เริ่มต้นงานใหม่แล้ว สิ่งอื่นๆ ในชีวิตก็ใหม่ด้วย เริ่มต้นที่มือถือใหม่เพราะ N-GAGE เครื่องเดิมได้จากโลกไปอย่างสงบพร้อมข้อมูลทุกอย่างในเครื่องด้วย -*- จึงทำการแต่งตั้ง 5800 Xpress มารับหน้าที่แทน นอกจากนี้ก็ได้โน้ตบุ๊คใหม่คือน้อง Dell Studio มาทำงาน Acer ที่ชอบงอแงและเน่าเต็มทน และสุดท้ายก็หอใหม่แถว ซ.เพชรบุรี 7 เพราะต้องออกจากหอในแล้ว ขาดอย่างเดียวคือแฟนใหม่ ยังหาไม่ได้สักทีนะ - -"

เข้าประเด็นหลักของการเขียนบันทึกครั้งนี้ดีกว่า คือตอนนี้ข้าพเจ้าเรียนจบอย่างเรียบร้อยล่ะ แก้วิชาสุดท้ายได้ไปสำเร็จ สิ้นสุดกันเสียทีกับชีวิตการเป็นนักเรียนและนิสิต ทั้งดีใจและก็แอบใจหาย หมดช่วงเวลาแห่งการศึกษาแล้วเหรอเนี่ย อยากต่อโทอยู่นะถ้ามีโอกาส คงจะต้องดูหลายๆ อย่างประกอบกันด้วยล่ะ ว่าจะต่อได้ไหม

พอจบแล้วก็ต้องรับปริญญาใช่เปล่า ดีใจที่จะได้รับพระราชทานปริญญาบัตรจากสมเด็จพระเทพฯ (รักท่านจริงๆ เลย) แล้วตอนนี้พอมาเริ่มทำงานปรากฏว่าน้ำหนักขึ้นครับท่าน จาก 69 ก.ก. มาถึงเกือบ 75 แล้ว เลยต้องรีบลดอย่างเร่งด่วน ให้ทันวันรับปริญญา ที่ตั้งใจไว้ก็ประมาณ 63 ก.ก. รวมแล้ว 12 ก.ก. จะไหวไหมเนี่ย คิดแล้วเหนื่อยใจจริงๆ

ปิดท้ายบันทึกคราวนี้เลยขอปิดท้ายด้วยเพลงนี้เลย เสียดายนะที่นักร้องนำไม่น่าไปค้ายาเสพย์ติดเลย หมดอนาคตเลยทีเดียวเชียว ยาเสพย์ติดไม่ทำให้ชีวิตดีหรอกนะครับ


เพลง: อ้วน
ไทรอัมพ์ส คิงดอม

อย่าอย่าไปเชื่อใครและเพราะเขาไม่ได้คุ้นเคย ก็ใครเลยจะเข้าใจกว่าฉัน
สิ่งใดที่อ้วนกลมใหญ่รู้ไว้ซะชั้นชอบใจ ไม่มีใครแทนที่เธอสำหรับฉัน
ไม่ใช่ปัญหาเวลาต้องการกอดฉัน หากเรานั้นจะกอดกัน
น้ำหนักจะลดไปทำไม ถ้าอดอาหารแล้วกลุ้มใจ

อ้วนทำไมเธอจะไม่หล่อ ขอแค่เธอยังน่ารัก ผอมยังไงก็ไม่รัก
อ้วนยังไงเธอดูก็หล่อ เพราะถ้าเธอไม่น่ารัก ให้ผอมยังไงฉันคงไม่สนใจ

อ้วนอ้วนอ้วนอ้วน อ้วน ใครๆก็หาว่าเธอน่ะอ้วน
หน้าอกหน้าใจหน้าท้อง จับไปมีแต่ไขมันล้วนๆ
คนโน้นคนนี้ชอบบอก ให้ตัวเธอนั้นไปลดความอ้วน
แต่ฉันดูว่าน่ารักดีแล้ว ดังนั้นไม่ควรไม่ควร

ไม่ใช่ปัญหาเวลาต้องการกอดฉัน หากเรานั้นจะกอดกัน
น้ำหนักจะลดไปทำไม ถ้าอดอาหารแล้วกลุ้มใจ

อ้วนทำไมเธอจะไม่หล่อ ขอแค่เธอยังน่ารัก ผอมยังไงก็ไม่รัก
อ้วนยังไงเธอดูก็หล่อ เพราะถ้าเธอไม่น่ารัก ให้ผอมยังไงฉันคงไม่สนใจ
อ้วนทำไมเธอจะไม่หล่อ ขอแค่เธอยังน่ารัก ผอมยังไงก็ไม่รัก
อ้วนยังไงเธอดูก็หล่อ เพราะถ้าเธอไม่น่ารัก ให้ผอมยังไงฉันคงไม่สนใจ

อ้วนอ้วนอ้วนอ้วน อ้วน ใครๆก็หาว่าเธอน่ะอ้วน
หน้าอกหน้าใจหน้าท้อง จับไปมีแต่ไขมันล้วนๆ
คนโน้นคนนี้ชอบบอก ให้ตัวเธอนั้นไปลดความอ้วน
แต่ฉันดูว่าน่ารักดีแล้ว ดังนั้นไม่ควรไม่ควร

อ้วนทำไมเธอจะไม่หล่อ ขอแค่เธอยังน่ารัก ผอมยังไงก็ไม่รัก
อ้วนยังไงเธอดูก็หล่อ เพราะถ้าเธอไม่น่ารัก ให้ผอมยังไงฉันคงไม่สนใจ
อ้วนทำไมเธอจะไม่หล่อ ขอแค่เธอยังน่ารัก ผอมยังไงก็ไม่รัก
อ้วนยังไงเธอดูก็หล่อ เพราะถ้าเธอไม่น่ารัก ให้ผอมยังไงฉันคงไม่สนใจ
อ้วนทำไมเธอจะไม่หล่อ ขอแค่เธอยังน่ารัก ผอมยังไงก็ไม่รัก
อ้วนยังไงเธอดูก็หล่อ เพราะถ้าเธอไม่น่ารัก ให้ผอมยังไงฉันคงไม่สนใจ




ปล.มาตามติดกันนะครับว่าข้าพเจ้าจะพิชิตภารกิจนี้ไปได้หรือไม่ เป็นกำลังใจให้ด้วยนะครับ

09 กุมภาพันธ์ 2552

ความคิด

ชื่อเรื่องครั้งนี้คือ"ความคิด" แต่ไม่ได้จะมานำเสนอความคิดหรือทัศนคติอะไรของข้าพเจ้าหรอก แต่บันทึกคราวนี้เกี่ยวกับเพลงความคิดและก็เรื่องราวไร้สาระที่ประสบพบเจอในช่วงนี้นะครับ เพราะความคิดในช่วงนี้มีไม่กี่เรื่องหรอก โปรเจ็ค สาราณียกร ติดตามและประเมินผล งานหลังจบ และก็เธอ

ความจริงว่าจะปิดท้ายด้วยเพลงความคิดหลายครั้งแล้วเพราะเคยได้ยินหลายครั้ง แต่ไม่รู้ชื่อเพลงสักทีเลยไม่ได้ปิดท้ายด้วยเพลงนี้สักครั้ง วันนี้ไปเดินสยามเผอิญได้ยินดีเจบอกชื่อเพลงและเปิดเพลงนี้เลยรู้สึกว่าใช่เลยเลยเพลงนี้ที่ข้าพเจ้าตามหามาแสนนาน ในที่สุดก็ตามหามันจนเจอแล้ว ดีใจจังๆ

แล้วตอนกลับก็ไปแวะซีเด็ดบุ๊คชั้น ๗ เพื่อไปหาของขวัญวันเกิดให้เพื่อน (ดันเป็นอีกที่ที่ชอบนัดเจอคนอีก) แล้วก็เห็น SF ฉายตัวอย่างเรื่องนี้ ระหว่างที่ดูไปและไปซื้อไอติมโคนมากินอย่างมูมมาม ก็เจอน้องที่งานสรุปฯ เข้มคนหนึ่งมาทัก มาพร้อมกับพ่อและแม่เป็นครอบครัว ถ้าน้องคนอื่นๆ คงไม่ว่าอะไร แต่นี้เป็นน้องที่เคยกล่าวถึงในตอนที่แล้วๆ ว่าชื่อเป็นท่อนต่อกับคนในความทรงจำของข้าพเจ้า (ไปอ่านได้จากตอนความทรงจำสีจาง)

เอาเป็นว่าหลังจากฟังเพลงนี้แล้วก็ลองไปติดตามชมเรื่อง ณ ขณะรัก (A moment in June) ด้วยนะครับ เพราะเพลงนี้เป็นเพลงประกอบภาพยนตร์เรื่องดังกล่าว เนื้อหาจะเป็นอย่างไรไปติดตามชมได้ด้วยตนเองตามโณงภาพยนตร์ แต่ถ้าอยากฟังเพลงนี้และร้องตามกับความคิดในสมองของคุณ ก็เลื่อนลงได้เลยนะครับ


เพลง: ความคิด
แสตมป์ อภิวัชร์ เอื้อถาวรสุข

ยังเดินผ่านทุกวัน
ที่ที่เราพบกันเมื่อก่อน
ยังจำซ้ำๆ ได้ทุกตอน
ราวกลับมีใครมาหมุน ย้อนเวลา

แต่ก็คงจะหมุนย้อนได้แค่ในความคิด
ในชีวิตจริง คงไม่เจอกันอีกแล้ว
ยืนอยู่ตรงที่เดิม แต่ไม่มีวี่แวว
เธอจากไปแล้ว และคงไม่ย้อนคืนมาหา

ได้แต่ฝากความคิดของฉันเอาไว้
เผื่อวันไหนเธอผ่านมา
เห็นที่เดียวกันนี้ เธอจะนึกขึ้นได้ว่า
เคยมีคนนึงยืนข้างเธอ อยู่ตรงนี้เสมอตลอดมา

ให้เธอสัมผัสความคิดที่ฉันทิ้งไว้
อาจไม่เห็นได้ด้วยตา
ฉันจะฝากเอาไว้ อยู่ในพื้นดินและท้องฟ้า
มันเป็นความคิดที่กระซิบว่า ฉันยังรักเธอ

อยากเจอเธอเหลือเกิน
เพราะก่อนที่เราต้องเดินแยกทาง
ฉันมีความคิดหลายๆ อย่าง
หลายอย่างเหลือเกิน ที่ฉันไม่ได้พูดไป

แต่กลับมานึกขึ้นได้ในเวลานี้
ในเวลาที่เธอเดินจากฉันไปแสนไกล
หากเธอนั้นยังอยู่ จะกอดเธอให้ชื่นใจ
และค่อยพูดออกไป ทุกสิ่งที่อยู่ในใจฉัน

ได้แต่ฝากความคิดของฉันเอาไว้
เผื่อวันไหนเธอผ่านมา
เห็นที่เดียวกันนี้ เธอจะนึกขึ้นได้ว่า
เคยมีคนนึงยืนข้างเธอ อยู่ตรงนี้เสมอตลอดมา

ให้เธอสัมผัสความคิดที่ฉันทิ้งไว้
อาจไม่เห็นได้ด้วยตา
ฉันจะฝากเอาไว้ อยู่ในพื้นดินและท้องฟ้า
มันเป็นความคิดที่กระซิบว่า ฉันยังรักเธอ

ขอให้เธอสัมผัสความคิดที่ฉันทิ้งไว้
อาจไม่เห็นได้ด้วยตา
ฉันได้ฝากเอาไว้ อยู่ในพื้นดินและท้องฟ้า
มันเป็นความคิดที่กระซิบว่า




ปล.เริ่มไม่อยากชอบใครแล้ว ไม่อยากมาเศร้าหากต้องผิดหวัง ตอนนี้ต้องพยายามหลอกตัวเองไปวันๆ ว่ายังแข็งแรงดีอยู่

08 กุมภาพันธ์ 2552

๑ สัปดาห์ ก่อน วาเลนไทน์

เข้ามาสู่เดือนกุมภาพันธ์ของปี ๒๕๕๒ ได้อย่างรวดเร็วนะ เผลอแปปเดียวผ่านปีน้องวัวไปเกือบ ๔๐ วันแล้วเหรอเนี่ย เวลาช่างเดินไปอย่างไม่รอคอยงานโปรเจ็คของข้าพเจ้าเลย ตอนนี้ก็คงจะต้องมาปั่นกันสุดชีวิตเพื่อให้สามารถจบได้พร้อมกับคนอื่นๆ เค้าแล้วล่ะ ไม่งั้นเดี๋ยวไม่สามารถทำงาน กบจ ได้นะ

พูดถึงวันวาเลนไทน์สักหน่อย วันนี้มีความสำคัญนะเพราะเป็นวันเกิดของคุณแม่ของข้าพเจ้า และก็เป็นวันแห่งความรักของคนอื่นๆ ทั่วไปด้วย ตั้งแต่เกิดมาจนอายุ ๒๒ ปีเนี่ยจำได้ว่าไม่เคยมีแฟนให้หนุงหนิงในวันวาเลนไทน์แบบคนอื่นเค้าเลย แอบอิจฉาคนมีคู่เล็กน้อย แล้วข้าพเจ้าก็ได้แต่นอนเล่นคอมพ์หรืออะไรก็ตามแต่ที่ห้องแทบทุกปี

ดีหน่อยนะที่ปีนี้วันวาเลนไทน์ตรงกับวันเสาร์พอดี ไม่ได้ดีใจที่จะได้ไปเที่ยวหรอกนะ แต่ดีใจที่จะได้อยู่ห้องเงียบๆ คนเดียว ไม่ต้องออกไปดูบ้านเมืองกับเค้า เดี๋ยวต๋อมอิจฉาจะทำงานอีก เหอๆ บอกแล้วว่าไม่มีดวงด้านความรักตามที่หมอดูหลายๆ ท่านได้ทำนายทายทักเอาไว้

วันนี้ไปสยามมา ก็เห็นบรรยากาศของคู่รักชื่นมื่นกันหลายคู่นะ แล้วเพลงในสยามก็ดังเปิดเพลง"เหตุเกิดจากความเหงา"ขึ้นมา อุตส่าห์ตั้งใจที่จะลืมอดีตก็น้ำตาตกในเลย ร้องคลอตามไปด้วยความเศร้าส้อย เนื้อหาของเพลงช่างตรงกับชีวิตของข้าพเจ้าอย่างมากมาย จะรู้ค่าเมื่อเค้าจากไปแล้วนี้เอง เอิ๊กๆ

ปิดท้ายบันทึกคราวนี้เลยเลือกเพลงนี้มาฝาก(ตัวเอง)เลยก็แล้วกัน ได้ยินเพลงมานานพึ่งเคยเห็นหน้าศิลปินตอนท้าย MV (สารภาพว่าไม่เคยดู MV นี้เลย) แล้ว MV ก็ดันคล้ายๆ ชีวิตขิงข้าพเจ้าอีก เหอๆ หวังว่าข้าพเจ้าคงจะไม่ต้องไปทำเหมือนออยธนาในตอนท้ายของ MV หรอกนะ เพราะชมพู่อารยาในชีวิตจริงเค้าคงไม่สนใจข้าพเจ้าแล้ว


เพลง: เหตุเกิดจากความเหงา
อีโมชั่น ทาวน์

ขอบคุณ..ระยะทางที่ทำให้เราต้องห่างไกล
ขอบใจ..เธอเหมือนกัน ทีเธอเลือกจากฉันไปแสนไกล
ขอบคุณเวลาที่ฉันนั้นไม่มีใคร
ขอบคุณอารมณ์อ่อนไหวที่มาทักทายกัน
ทำให้ฉันได้รู้..หากขาดเธอไปคงอยู่ไม่ไหว

เหตุเกิดจากความเหงาที่ทำให้รู้ว่ารักเธอเท่าไหร่
ความห่างไกลมันทำให้ฉันคิดถึงเธอ
ความอ้างว้างเดียวดายคอยตอกย้ำอยู่เสมอ
เหตุเกิดจากความเหงาที่ทำให้รู้เธอสำคัญเพียงใด
ความห่างไกลมันทำให้ฉันคิดถึงเธอ
ยิ่งห่างเหินเท่าไหร่ก็ยิ่งรู้ว่าเป็นเธอ..ที่ฉันรักหมดหัวใจ

วันนี้..มาพบเธอ ด้วยใจที่เดินอย่างอ่อนล้า
ต้องการมาพบหน้า ต้องการจะบอกว่าพึ่งเข้าใจ
ขอบคุณเวลาที่ฉันนั้นไม่มีใคร
ขอบคุณอารมณ์อ่อนไหวที่มาทักทายกัน
ทำให้ฉันได้รู้..หากขาดเธอไปคงอยู่ไม่ไหว

เหตุเกิดจากความเหงาที่ทำให้รู้ว่ารักเธอเท่าไหร่
ความห่างไกลมันทำให้ฉันคิดถึงเธอ
ความอ้างว้างเดียวดายคอยตอกย้ำอยู่เสมอ
เหตุเกิดจากความเหงาที่ทำให้รู้เธอสำคัญเพียงใด
ความห่างไกลมันทำให้ฉันคิดถึงเธอ
ยิ่งห่างเหินเท่าไหร่ก็ยิ่งรู้..ว่าเป็นเธอ..ที่ฉันรักหมดหัวใจ

มีคนเคยบอก ถ้าไม่สูญเสียบางอย่าง ก็ไม่รู้คุณค่าสิ่งนั้น
เหมือนอย่างตัวฉัน ทีเพิ่งรู้ว่าคืนวัน.ที่ผ่านมา ใครคือคนสำคัญ

เหตุเกิดจากความเหงาที่ทำให้รู้ว่ารักเธอเท่าไหร่
ความห่างไกลมันทำให้ฉันคิดถึงเธอ
ความอ้างว้างเดียวดายคอยตอกย้ำอยู่เสมอ
เหตุเกิดจากความเหงาที่ทำให้รู้เธอสำคัญเพียงใด
ความห่างไกลมันทำให้ฉันคิดถึงเธอ
ยิ่งห่างเหินเท่าไหร่ก็ยิ่งรู้..ว่าเป็นเธอ..ที่ฉันรักหมดหัวใจ




ปล.แล้วก็ยังโรคจิตไปนั่งอ่านอะไรจากบล็อกของคนที่ไม่สนใจเราแล้วอยู่ได้นะ เป็นพวกโรคจิตอยู่แต่กับอดีตจริงๆ จะเศร้าไปอีกนานไหม งานการมากมายรออยู่นะ

03 กุมภาพันธ์ 2552

ตัดสินใจ

การตัดสินใจเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ถือว่าเป็นสิ่งที่อยากยิ่งของมนุษย์หลายๆ คน ในหลายๆ ครั้งหากเราตัดสินใจผิดพลาดไปแล้วอาจจะกลับมาแก้ไขอดีตไม่ได้ ก็จะได้แต่เสียดายหรือเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็ตามแต่ แต่ข้าพเจ้าเป็นคนหนึ่งที่เชื่อมั่นในการตัดสินใจของตัวเอง ถึงแม้มันจะผิดพลาดไปแต่ข้าพเจ้าก็ได้ศึกษาหาข้อมูลและปรึกษาคนอื่นๆ มาพอสมควรแล้ว

แต่ทำไมช่วงนี้มีเรื่องราวให้ตัดสินใจมากมายเลยทีเดียว เป็นเรื่องใหญ่ๆ ทั้งนั้นเลย จะปรึกษาใครก็ไม่ค่อยได้เพราะเป็นเรื่องของตัวเองที่แปลกและพิสดารกว่าชาวบ้านมากมาย จะปรึกษาครอบครัวก็ยิ่งไม่ได้เพราะบางเรื่องครอบครัวก็ไม่รู้ว่าเราเป็นอย่างไร จะปรึกษาแฟนก็ยิ่งไม่ได้ใหญ่เพราะไม่มีนั่นเอง เอิ๊กๆ

ตอนนี้เรื่องที่ใหญ่ที่สุดก็เห็นจะเป็นเรื่องงานละครับ ใครบอกว่างานหายากข้าพเจ้าของเถียง หากคุณไม่เลือกงานหรือไม่ได้เอาแต่เรียนจนไม่สนใจใคร รับรองว่ามีงานเข้ามาหาคุณมากมาย จนบางทีคุณอาจจะเครียดเพราะไม่รู้ว่าจะทำงานไหนดี เพราะตัดสินใจคราวนี้อาจจะส่งผลกับหลายๆ อย่างในชีวิตเลยก็เป็นไปได้ เครียดนะครับเรื่องนี้

ตอนนี้มีหลักๆ ที่ติดต่อเข้ามาแล้วอยากทำก็มี ๔ ที่ ได้แก่ ๑.เว็บเด็กดีดอทคอม ทำคอนเทนท์และมาร์เก็ตติ้ง ที่นี่ทำมาตั้งแต่สมัยเรียนด้วย ผูกพันพอสมควร ๒.วิทยุจุฬาฯ ทำฝ่ายไอที นี้ก็เป็นที่สำคัญที่เริ่มรู้จักตั้งแต่เข้ามหาวิทยาลัย และทำให้เกิดเรื่องดีๆ และไม่ดีหลายอย่างในชีวิตขึ้นมา ๓.สำนักงานนิสิตสัมพันธ์ ดูแลทีวีที่ฉาย 56 จุดทั่วจุฬาฯ นี้ก็น่าสนใจเพราะรู้จักกันก่อนวิทยุจุฬาฯ อีก ๔.AI ดูแลทีวีและช่วยผลิตรายการเป็นตัวแทนของจุฬาฯ เป็นบริษัทที่รับสัมปทานติดตั้งและทีวีในจุฬาฯ อีกทีนะครับ

นี้ไม่นับที่อื่นๆ ที่ทาบทามเข้ามานะ เพราะ ๔ อันนี้น่าทำทั้งหมดเลย เว็บเด็กดี กับ AI น่าจะให้ผลตอบแทนที่เยอะพอๆ กัน ส่วนงานวิทยุกับนิสิตสัมพันธ์ก็ให้ผลตอบแทนแบบราชการนะครับ มันก็น่าสนใจไปเสียหมด เกณฑ์พิจารณามีเรื่องของความสุขกับงานที่ทำ ความสามารถที่มีอยู่ รายได้ที่ต้องใช้จ่าย ฯลฯ ข้าพเจ้าจะเลือกที่ไหนดีเนี่ย

ปิดท้ายบันทึกครั้งนี้ด้วยเพลงที่ตรงกับเหตุการณ์ในบันทึกดีกว่า ทั้งเรื่องงาน(และเรื่องอื่นๆ) นักร้องคนนี้แต่ก่อนเป็น idol ของข้าพเจ้าเลยนะ แต่ลองไปเสิร์ชดูรูปเค้าในปัจจุบันสิครับ ผมยาวอย่างกับฮิวโก้วงสิบล้อ เอิ๊กๆ ตอนนี้ก็โดนซื้อตัวไปทำงานที่แกรมมี่เรียบร้อยแล้ว ไม่ได้ทำงานที่ RS ต่อ (เหมือนข้าพเจ้า?)


เพลง: ตัดสินใจ
เจอาร์ กิตติกุลวงศ์

รู้ว่าเธอมีใจรักฉัน รู้ว่าเธอก็ยังรักเขา
ถึงวันนี้ก็คงต้องเลือกเอา ใครสักคนมั่นใจสักที

ทางซ้ายก็คนหนึ่ง ทางขวาก็คนหนึ่ง ต่างเจ็บที่เธอลังเลหัวใจ
เพราะฉันก็รักเธอ และเขาก็รักเธอ อยู่ที่เธอต้องการคนไหน

ตัดสินใจว่าเธอไม่รักใคร ตัดสินใจแล้วจงปล่อยเขาไป
จะเลือกทางซ้ายหรือขวาก็เลือกไป ทำได้ไหม (เก็บไว้คนเดียวเท่านั้น)

นอกจากเขาไม่ควรมีฉัน นอกจากฉันไม่ควรมีใคร
คงไม่ทนให้เป็นอย่างนี้ไป เลือกได้ไหมเพียงใครซักคน

ทางซ้ายก็คนหนึ่ง ทางขวาก็คนหนึ่ง ต่างเจ็บที่เธอลังเลหัวใจ
เพราะฉันก็รักเธอ และเขาก็รักเธอ อยู่ที่เธอต้องการคนไหน

ตัดสินใจว่าเธอไม่รักใคร ตัดสินใจแล้วจงปล่อยเขาไป
จะเลือกทางซ้ายหรือขวาก็เลือกไป ทำได้ไหม (เก็บไว้คนเดียวเท่านั้น)

ทางซ้ายก็คนหนึ่ง ทางขวาก็คนหนึ่ง ต่างเจ็บที่เธอลังเลหัวใจ
เพราะฉันก็รักเธอ และเขาก็รักเธอ อยู่ที่เธอต้องการคนไหน

ตัดสินใจว่าเธอไม่รักใคร ตัดสินใจแล้วจงปล่อยเขาไป
จะเลือกทางซ้ายหรือขวาก็เลือกไป ทำได้ไหม (เก็บไว้คนเดียวเท่านั้น)

ตัดสินใจว่าเธอไม่รักใคร ตัดสินใจแล้วจงปล่อยเขาไป
จะเลือกทางซ้ายหรือขวาฉันขอเธอ ทำได้ไหม รักคนเดียวเท่านั้น




ปล.อยากมีคนมาช่วยตัดสินกับเรื่องต่างๆ ในชีวิตจัง ตอนนี้ก็พึ่งตัดสินใจหาหอใหม่ไป มันก็โอเคนะสำหรับข้าพเจ้าสภาพอยู่ได้ แต่ถ้าใครจะมาอยู่ด้วยก็ตัดสินใจมาอยู่ได้นะ มาหารค่าหอกัน เอิ๊กๆ

27 มกราคม 2552

ความทรงจำสีจาง

ฟื้นตัวหลังจากสลบมาเกือบครบ ๒๔ ชั่วโมง ทั้งที่เป็นวันตรุษจีนแท้ๆ แต่กลับต้องมานอนซมหมดสภาพ ว่าจะออกไปชมสุริยุปราคาก็ไม่ได้ออกไปชมจนได้ เหตุที่ข้าพเจ้านอนเดี้ยงได้ขนาดนี้เพราะหมดสภาพจากงานสรุปเข้มฯ ครั้งที่ ๕ ที่จัดโดยวิทยุจุฬาฯ ตลอดระยะเวลากว่า ๓ สัปดาห์ ในที่สุดงานนี้ก็จบลงไปได้เสียที

งานนี้ก็เช่นทุกปีที่ผ่านมา แต่อาจจะพิเศษกว่าปีอื่นๆ ตรงที่ได้ทำอะไรมากมาย และแปลกๆ มากกว่าปีที่ผ่านๆ มา ได้ทำอะไรยากและท้าทายขึ้น จริงๆ อาจเพราะปีนี้อาจเป็นปีสุดท้ายแล้วที่มีโอกาสมาร่วมจัดงานในฐานะนิสิตจุฬาฯ ไม่รู้ว่าปีหน้าจะได้ไปทำงานที่ไหน และจะได้มีโอกาสกลับมาทำไหม ปีนี้ก็เลยบ้าพลังแบบสุดๆ ไปเลย

แต่ประเด็นหลักที่มาเขียนบันทึกคราวนี้ มีสิ่งหนึ่ง(เรียกว่าบุคคลหนึ่งดีกว่า)มาจี๊ดสมองข้าพเจ้าเล่นๆ ทำให้ความทรงจำเกี่ยวกับบางคนมันเพิ่มพูนกลับมาหาข้าพเจ้ามากขึ้นเรื่อยๆ คืออย่างนี้ครับ ได้ไปเจอน้องคนหนึ่งที่มางานติวครั้งนี้ แล้วบังเอิญลักษณะและบุคคลของน้องคนนี้ก็ไปคล้ายคลึงกับคนในความทรงจำคนหนึ่งของข้าพเจ้าเข้าให้

แต่ยิ่งไปกว่านั้น ชื่อน้องคนนี้ดันไปสอดคล้อง พูดง่ายๆ ก็คือ เป็นคำต่อกับชื่อคนในความทรงจำของข้าพเจ้าด้วย ดูสิว่ามันจะบังเอิญขนาดไหน พอได้ลองไปพูดคุยด้วย ลักษณะของน้องคนนี้ก็ยิ่งคล้ายกับคนในความทรงจำของข้าพเจ้าอย่างยิ่ง แต่พอจบงานก็ไม่ได้แลกเมล์หรือเบอร์โทรอะไรกับน้องเค้าหรอก แต่ก็ต้องขอบคุณน้องคนนั้นที่ทำให้ข้าพเจ้ามีความสุขกับความทรงจำสีจางๆ

ปิดท้ายบันทึกครั้งนี้เลยเรื่องเพลงนี้มาปิดท้ายเลย ให้เข้ากับเนื้อหาเสียหน่อย เป็นอีกหนึ่งเพลงที่หลายๆ คนน่าจะชอบนะ เพราะเป็นเพลงประกอบภาพยนตร์ที่หลายๆ คนรวมทั้ง"คนในความทรงจำ"ของข้าพเจ้าชอบด้วย


เพลง: ความทรงจำสีจาง
ปาล์มมี่

ใครคนหนึ่ง คนนั้น ในวันหนึ่ง วันนั้น
เคยผูกผันกัน ซะมากมาย
เพราะวันที่ห่างเหิน มันก็เริ่มห่างหาย
เพียงแค่เพราะเราไม่เจอะกัน

ไม่เรียกร้องให้กลับมา หรือว่าผลักใส หรืออะไรทั้งนั้น
เก็บเอาไว้ในส่วนลึก ซ่อนอยู่อย่างนั้น รู้ว่ามันไม่ไปไหน
แม้กระทั่งตอนนี้ เขายังอยู่ตรงนั้น ในภาพทรงจำสีจางจาง

เหมือนว่าจะเลือนหาย คล้ายว่าจะเลือนลาง
บางอย่างก็ยังไม่เปลี่ยนไป

ไม่เรียกร้องให้กลับมา หรือว่าผลักใส หรืออะไรทั้งนั้น
เก็บเอาไว้ในส่วนลึก ซ่อนอยู่อย่างนั้น รู้ว่ามันไม่ไปไหน
แม้กระทั่งตอนนี้ เขายังอยู่ตรงนั้น ในภาพทรงจำสีจางจาง

... ในความทรงจำสีจาง




ปล. ว่าแล้วก็อยากดูภาพยนตร์เรื่อง"แฟนฉัน"นะ ไม่ได้ดูตั้งนานแล้ว

17 มกราคม 2552

งามรุมทับหัวแล้วครับ

ผ่านไป 1 เดือนก็ได้เวลาดีมาเขียนบันทึกตอนใหม่ ว่าจะเขียนหลายวันแล้วแต่ก็รอให้มีเวลาว่างๆ ก่อนสักหน่อย เพราะช่วงนี้งานที่เขียนไว้จากครั้งที่แล้วทั้ง 4 งานกำลังรุมทับหัวข้าพเจ้าอย่างยิ่ง โดยเฉพาะช่วงนี้กับงานสรุปเข้มฯ ครั้งที่ 5 ที่อดตาหลับขับตานอนทำงานแบบไม่พักผ่อนกันเลยทีเดียว

ปีนี้ก็น่าจะเป็นปีสุดท้ายที่ได้มาช่วยจัดกิจกรรมนี้แล้วกระมัง เลยมาช่วยงานอย่างสุดกำลังและความสามารถ ทำในหลายๆ งานและหน้าที่ ประดุจดังว่าเป็นพนักงานของสถานีวิทยุจุฬาฯ ก็ไม่ปาน เบื้องหลังหรือเบื้องหน้าก็พยายามเข้าไปยุ่งและข้องเกี่ยวกับเค้าไปเสียทุกอย่าง ก่อนที่จะไม่มีโอกาสมาทำอะไรแบบนี้แล้ว เพราะคงเป็นมนุษย์ออฟฟิศแทน

ขอ(แอบ)เรื่องสุขภาพตัวเอง พอพักผ่อนน้อยก็มีอาการต่างๆ เข้ามาทันที ไม่อยากไปหาหมอแล้ว ไม่อยากกินยาอะไร ไม่อยากผ่าตัดด้วย อยากมีชีวิตไร้สาระแบบคนปกติทั่วไป แต่ก็น่าจะไม่เป็นอะไรมากหรอก ถ้านอนหลับพักผ่อนเยอะๆ กินอาหารครบ 5 หมู่ มีเวลาไปออกกำลังกาย ร่างกายก็คงคืนสภาพได้เอง

หรือถ้าจะให้ดีกว่านั้น คงต้องรับสมัครคนที่สนใจจะมาดูแลชายหนุ่มคนนี้นะครับ เอิ๊กๆ ตอนนี้ยิ่งฟังเพลงรักๆ หรือเห็นคู่รักไม่ค่อยได้เลย ไม่งั้นจะรู้สึกอิจฉาอย่างยิ่ง เอิ๊กๆ พอมาฟังเพลงเศร้าๆ น้ำตาก็คลอๆ ซึมๆ จนมีคนทักแล้วว่าทำไมแววตาดูเศร้าๆ ใครว่าข้าพเจ้าเศร้า ออกจะสนุกสนาน เฮฮา และร่าเริงสุดๆ

มาปิดท้ายกันด้วยเพลงใหม่ของแคลอรี่ บลา บลา ดีกว่า ตอนนี้ชอบเพลงนี้มากมาย รู้สึกโดนดีนะ ความจริงมีหลายเพลงที่โดนในตอนนี้ แต่หา MV เพลงนี้ได้ก่อนเลยเลือกเอาเพลง"อย่าไปไหนอีกนะ"มาปิดท้ายการเขียนบันทึกครั้งนี้ดีกว่า ยังไงเธอก็คงไม่กลับมาหรอกใช่ไหม แล้วข้าพเจ้าก็คงจะต้องรอคอยต่อไป....


เพลง: อย่าไปไหนอีกนะ
แคลอรี่ บลา บลา

ทุกวันตั้งแต่เธอเดินจากฉันไป
รู้ไหมเป็นยังไงอ้างว้างเพียงใดเมื่อไม่มีเธอ
ทุกคืนได้แต่ภาวนาให้เธอ ทบทวนใจตัวเอง
ให้พบความจริงว่าเธอรักใคร และกลับมาอยู่ตรงนี้

อย่าไปไหนอีกนะเธอ ถ้ายังรักฉันก็อภัย
อย่าไปไหนอีกเหมือนเคย ถ้าเธอรู้ว่าเธอรักใคร
อยู่ด้วยกันตรงนี้ ทุกวินาทีเรื่อยไป
อย่าหายไปอีก หายไปจากฉันอีกนะได้ไหมถ้าเธอรักกัน

น้ำตามันเอ่อล้นมาจากสองตา
เพราะมันเกินบรรยายที่ได้เจอกันเหมือนในวันวาน
เข้าใจและไม่มีอะไรต้องการ เรื่องราวในวันวาน
ที่ทิ้งกันไปก็จะไม่จำ ไม่ทำให้เธอหนักใจ

อย่าไปไหนอีกนะเธอ ถ้ายังรักฉันก็อภัย
อย่าไปไหนอีกเหมือนเคย ถ้าเธอรู้ว่าเธอรักใคร
อยู่ด้วยกันตรงนี้ ทุกวินาทีเรื่อยไป
อย่าหายไปอีก หายไปจากฉันอีกนะได้ไหมถ้าเธอรักกัน

วันเวลาของเราที่หายไป
ไม่เคยจะใส่ใจ เสียแล้วก็เสียไป
วันเวลาของเราที่เริ่มใหม่ สำคัญกว่า
หากเธออยู่เคียงข้างฉัน

อย่าไปไหนอีกนะเธอ ถ้ายังรักฉันก็อภัย
อย่าไปไหนอีกเหมือนเคย ถ้าเธอรู้ว่าเธอรักใคร
อยู่ด้วยกันตรงนี้ ทุกวินาทีเรื่อยไป
อย่าหายไปอีก หายไปจากฉันอีกนะได้ไหมถ้าเธอรักกัน




ปล.ในวันที่เธอไปหาคนอื่น รู้ไหมฉันฝืน ยืนมองตั้งนาน เขาไม่ได้รักเธออย่างจริงจัง รู้ไหม
ฉันรู้ว่าฉันให้เธอมากกว่า และมากกว่านี้ ฉันก็ให้เธอได้ ฉันมั่นใจ ฉันรอได้กว่าวันที่เธอมา....