แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ ชีวิต แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ ชีวิต แสดงบทความทั้งหมด

02 พฤษภาคม 2552

เรียนจบแล้วววว

ไม่ได้เขียนบันทึกนานถึงเกือบ 3 เดือน เพราะไม่ค่อยได้ว่างเท่าไร มีธุระในช่วงที่ผ่านมามากมาย ทั้งสอบปลายภาค กลับบ้านไปเปลี่ยนชื่อใหม่(ตอนนี้ชื่อจริงใหม่แล้วนะ ไว้จะมาเขียนเล่าเรื่องๆ) ไปทริปซีเนียร์กับเพื่อนๆ แล้วก็ต้องเริ่มงานอย่างเต็มตัวกับบริษัท เด็กดี อินเตอร์แอคทีฟ จำกัด อย่างเต็มตัว หลังจากที่ทำเป็นพาร์ทไทม์มานานแสนนาน

นอกจากจะใช้ชื่อใหม่ เริ่มต้นงานใหม่แล้ว สิ่งอื่นๆ ในชีวิตก็ใหม่ด้วย เริ่มต้นที่มือถือใหม่เพราะ N-GAGE เครื่องเดิมได้จากโลกไปอย่างสงบพร้อมข้อมูลทุกอย่างในเครื่องด้วย -*- จึงทำการแต่งตั้ง 5800 Xpress มารับหน้าที่แทน นอกจากนี้ก็ได้โน้ตบุ๊คใหม่คือน้อง Dell Studio มาทำงาน Acer ที่ชอบงอแงและเน่าเต็มทน และสุดท้ายก็หอใหม่แถว ซ.เพชรบุรี 7 เพราะต้องออกจากหอในแล้ว ขาดอย่างเดียวคือแฟนใหม่ ยังหาไม่ได้สักทีนะ - -"

เข้าประเด็นหลักของการเขียนบันทึกครั้งนี้ดีกว่า คือตอนนี้ข้าพเจ้าเรียนจบอย่างเรียบร้อยล่ะ แก้วิชาสุดท้ายได้ไปสำเร็จ สิ้นสุดกันเสียทีกับชีวิตการเป็นนักเรียนและนิสิต ทั้งดีใจและก็แอบใจหาย หมดช่วงเวลาแห่งการศึกษาแล้วเหรอเนี่ย อยากต่อโทอยู่นะถ้ามีโอกาส คงจะต้องดูหลายๆ อย่างประกอบกันด้วยล่ะ ว่าจะต่อได้ไหม

พอจบแล้วก็ต้องรับปริญญาใช่เปล่า ดีใจที่จะได้รับพระราชทานปริญญาบัตรจากสมเด็จพระเทพฯ (รักท่านจริงๆ เลย) แล้วตอนนี้พอมาเริ่มทำงานปรากฏว่าน้ำหนักขึ้นครับท่าน จาก 69 ก.ก. มาถึงเกือบ 75 แล้ว เลยต้องรีบลดอย่างเร่งด่วน ให้ทันวันรับปริญญา ที่ตั้งใจไว้ก็ประมาณ 63 ก.ก. รวมแล้ว 12 ก.ก. จะไหวไหมเนี่ย คิดแล้วเหนื่อยใจจริงๆ

ปิดท้ายบันทึกคราวนี้เลยขอปิดท้ายด้วยเพลงนี้เลย เสียดายนะที่นักร้องนำไม่น่าไปค้ายาเสพย์ติดเลย หมดอนาคตเลยทีเดียวเชียว ยาเสพย์ติดไม่ทำให้ชีวิตดีหรอกนะครับ


เพลง: อ้วน
ไทรอัมพ์ส คิงดอม

อย่าอย่าไปเชื่อใครและเพราะเขาไม่ได้คุ้นเคย ก็ใครเลยจะเข้าใจกว่าฉัน
สิ่งใดที่อ้วนกลมใหญ่รู้ไว้ซะชั้นชอบใจ ไม่มีใครแทนที่เธอสำหรับฉัน
ไม่ใช่ปัญหาเวลาต้องการกอดฉัน หากเรานั้นจะกอดกัน
น้ำหนักจะลดไปทำไม ถ้าอดอาหารแล้วกลุ้มใจ

อ้วนทำไมเธอจะไม่หล่อ ขอแค่เธอยังน่ารัก ผอมยังไงก็ไม่รัก
อ้วนยังไงเธอดูก็หล่อ เพราะถ้าเธอไม่น่ารัก ให้ผอมยังไงฉันคงไม่สนใจ

อ้วนอ้วนอ้วนอ้วน อ้วน ใครๆก็หาว่าเธอน่ะอ้วน
หน้าอกหน้าใจหน้าท้อง จับไปมีแต่ไขมันล้วนๆ
คนโน้นคนนี้ชอบบอก ให้ตัวเธอนั้นไปลดความอ้วน
แต่ฉันดูว่าน่ารักดีแล้ว ดังนั้นไม่ควรไม่ควร

ไม่ใช่ปัญหาเวลาต้องการกอดฉัน หากเรานั้นจะกอดกัน
น้ำหนักจะลดไปทำไม ถ้าอดอาหารแล้วกลุ้มใจ

อ้วนทำไมเธอจะไม่หล่อ ขอแค่เธอยังน่ารัก ผอมยังไงก็ไม่รัก
อ้วนยังไงเธอดูก็หล่อ เพราะถ้าเธอไม่น่ารัก ให้ผอมยังไงฉันคงไม่สนใจ
อ้วนทำไมเธอจะไม่หล่อ ขอแค่เธอยังน่ารัก ผอมยังไงก็ไม่รัก
อ้วนยังไงเธอดูก็หล่อ เพราะถ้าเธอไม่น่ารัก ให้ผอมยังไงฉันคงไม่สนใจ

อ้วนอ้วนอ้วนอ้วน อ้วน ใครๆก็หาว่าเธอน่ะอ้วน
หน้าอกหน้าใจหน้าท้อง จับไปมีแต่ไขมันล้วนๆ
คนโน้นคนนี้ชอบบอก ให้ตัวเธอนั้นไปลดความอ้วน
แต่ฉันดูว่าน่ารักดีแล้ว ดังนั้นไม่ควรไม่ควร

อ้วนทำไมเธอจะไม่หล่อ ขอแค่เธอยังน่ารัก ผอมยังไงก็ไม่รัก
อ้วนยังไงเธอดูก็หล่อ เพราะถ้าเธอไม่น่ารัก ให้ผอมยังไงฉันคงไม่สนใจ
อ้วนทำไมเธอจะไม่หล่อ ขอแค่เธอยังน่ารัก ผอมยังไงก็ไม่รัก
อ้วนยังไงเธอดูก็หล่อ เพราะถ้าเธอไม่น่ารัก ให้ผอมยังไงฉันคงไม่สนใจ
อ้วนทำไมเธอจะไม่หล่อ ขอแค่เธอยังน่ารัก ผอมยังไงก็ไม่รัก
อ้วนยังไงเธอดูก็หล่อ เพราะถ้าเธอไม่น่ารัก ให้ผอมยังไงฉันคงไม่สนใจ




ปล.มาตามติดกันนะครับว่าข้าพเจ้าจะพิชิตภารกิจนี้ไปได้หรือไม่ เป็นกำลังใจให้ด้วยนะครับ

26 ตุลาคม 2551

พรุ่งนี้เปิดเทอมๆ

ไม่น่าเชื่อว่าพรุ่งนี้(น่าจะ)เป็นการเปิดเทอมครั้งสุดท้ายในชีวิตแล้วครับ ตั้งแต่เปิดเทอมแรกตอนอยู่อนุบาล ๑ ที่โรงเรียนบ้านรัตนบุรี อุทิศวิทยา จนมาเปิดเทอมสุดท้ายที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย การเดินทางที่สุดแสนจะยาวนานเกือบ ๑๘ ปีของข้าพเจ้ากำลังจะสิ้นสุดลง พร้อมกับการจบชีวิตในช่วงแรก ก้าวเข้าสู่ชีวิตในช่วงชั้นต่อไปนั่นก็คือวัยทำงานครับ

เทอมสุดท้ายในชีวิตของการศึกษายังไม่ได้ทำอะไรต้องรีบๆ ทำเสียแล้ว ยังมีค่ายอีกหลายค่ายที่ไม่ได้ไปทำ ยังมีจังหวัดอีกเยอะที่ยังไม่ได้ไปเยือน ยังมีกิจกรรมอีกหลากหลายที่ยังไม่ได้ลอง ระยะเวลาอีกประมาณ ๔ เดือนที่เหลืออยู่ต้องรีบเก็บเกี่ยวผลผลิตทางการศึกษาและกิจกรรมทุกอย่าง ไม่ให้เพียงแค่จบไปมีแค่เพียงความรู้ แต่ไม่สามารถทำงานจริงอะไรได้เลยสักอย่าง

ล่าสุดมีโอกาสได้อ่านหนังสือเรื่อง A Peacock in the land of Penguins หรือชื่อภาษาไทยว่า นกอยู่ตัวหนึ่งในดินแดนของนกเพนกวิน ที่น้องคิมประธานสภานิสิตแนะนำและให้ยืมมาอ่าน รู้สึกชอบมากๆ ถ้าข้าพเจ้าได้ไปทำงานจริงจะเป็นอย่างไร ต้องไปเป็นนกเพนกวินไหม(ที่จริงก็เหมือนเพนกวินอยู่แล้วนะ เอิ๊กๆ) แต่ก็คงได้รู้ในไม่อีกกี่เดือนข้างหน้านี้แล้ว

สุดท้ายก่อนจบต้องหาแฟนดีๆ ให้ได้สักคนแล้ว รับรองว่าข้าพเจ้าจะดูแลคนๆ นี้ให้ดีที่สุด ไม่งอแงทำแต่งานจนไม่มีเวลาให้ จะใส่ใจทุกรายละเอียดให้เต็มที่ ว่าแต่ว่าจะไปหาเค้าคนนั้นได้ที่ไหนกันหนอ จุฬาฯ ก็กว้างใหญ่แต่ยังไม่เคยมีแฟนเป็นเด็กจุฬาฯ กับเค้าบ้างเลย มาเอาใจช่วยข้าพเจ้าด้วยนะขอรับว่าจะทำภารกิจครั้งนี้สำเร็จลุล่วงลงไปได้หรือไม่ ?


เพลง : ดวงตะวัน Sunshine
August band

ดวงตะวันยามเช้าส่อง ชีวิตผู้คนกำลังเคลื่อนไหว
ช่างดูสับสนเวียนวนวุ่นวาย และพาอะไรมากมายมาให้เรา

เดินบนทางอ้างว้างเปล่าเปลี่ยว ชีวิตคนเดียวบางทีก็เหงา
ในวันที่ต้องทนผจญเรื่องเศร้า มองหาสักคนก็ไม่มี

กับคนที่คอยดูแลใส่ใจ ต้องเฝ้ารออีกแค่ไหนดี คนที่มีที่ให้เราพักพิง

จะไปที่ไหนและที่ไหน จะไปหาเค้าที่ไหน ต้องทำเช่นไรจะได้พบเค้า
คนที่คอยจะยืนอยู่เคียงข้างเรา ในวันที่ต้องเหงาขึ้นทุกวัน
ต้องไปที่ไหนและที่ไหน อยากรู้ว่าที่ไหน ถึงจะได้พบคนๆ นั้น
ก็ได้แต่ปล่อยเวลาผ่านเลยทุกวัน ฉันต้องรอต่อไป (ฉันต้องรอต่อไป)

ดวงตะวันลับฟ้าลง ชีวิตฉันคงยังไม่หยุดเคลื่อนไหว
ต้องคอยคืนวันผ่านนานอีกเท่าไหร่ จะได้พบใครที่ฉันรอ

คนที่คอยดูแลใส่ใจ ต้องเฝ้ารออีกแค่ไหนดี คนที่มีที่ให้เราพักพิง

จะไปที่ไหนและที่ไหน จะไปหาเค้าที่ไหน ต้องทำเช่นไรจะได้พบเค้า
คนที่คอยจะยืนอยู่เคียงข้างเรา ในวันที่ความเหงาก่อตัว เพิ่มขึ้นทุกวัน

จะไปที่ไหนและที่ไหน อยากรู้ว่าที่ไหน (จะไปหาเค้าที่ไหน)
ถึงจะได้พบคน ๆ นั้น ก็ได้แต่ปล่อยเวลาผ่านเลยทุกวัน
ฉันต้องรอต่อไป เพื่อพบใครซักคน




ปล. ไม่อยากพลาดทุกครั้งที่ข้าพเจ้าเขียนบันทึกใหม่ สามารถกดตามติด blog ของข้าพเจ้าได้ บริเวรทางขวามือ

24 ตุลาคม 2551

ไม่รู้ใจตัวเอง

เคยได้รับชมภาพยนตร์เรื่อง Seasons Change เพราะอากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ค่อนข้างชอบเลย เพราะอะไรนั่นเหรอครับ เพราะชีวิตของพระเอกในเรื่อง(ป้อม)มีส่วนคล้ายกับชีวิตจริงของข้าพเจ้ามากๆ แต่ต่างกันตรงที่นั่นคือภาพยนตร์ มันเลยจบลงอย่างสวยงาม ทุกปัญหาผ่านพ้นไปได้ดี แต่ชีวิตจริงของข้าพเจ้านั่นเหรอครับ ไม่ได้จบลงด้วยดีหรอก

นอกจากนั่นก็ยังชอบเพลงประกอบภาพยนตร์ เป็นบทเพลงที่คนแต่งสามารถแต่งเนื้อหาได้ออกมาดีมาก(แม้คนร้องบางเพลงจะยังแย่ไปหน่อยนะ) และอีกหนึ่งเพลงที่ค่อนข้างตรงกับใจของข้าพเจ้าก็คือเพลง"ไม่รู้ใจตัวเอง" เป็นเพลงที่เกี่ยวกับชายหนุ่มคนหนึ่งที่ทำอะไรก็ตามคนอื่นบอก โดยไม่ได้รู้เลยว่าที่แท้จริงแล้วจิตใจของตัวเองนั้นต้องการอะไรกันแน่

แต่ชีวิตจริงของข้าพเจ้าไม่รู้ว่าโชคดีหรือโชคร้ายนะ ที่เกิดมารู้ใจตัวเองแต่ไม่สามารถทำตามในสิ่งที่หัวใจเรียกร้องได้ ต้องทำตามที่ครอบครัว สถาบัน หรือสังคมเป็นผู้กำหนด บางทียังเคยหัวเราะทั้งน้ำตากับความโชคดีผสมร้ายของตัวเองอยู่เนื่องๆ ข้าพเจ้าก็ต้องทำตามที่คนอื่นๆ บอกกล่าวหรือต้องการอยู่ดี มีความคิดเห็นอะไรเป็นของตัวเองไม่ได้หรอก

อยากทำอะไรตามใจสั่งจังเลย อยากไปไหนที่ไม่มีคนรู้จัก ได้ทำอะไรในสิ่งที่ต้องการ ได้เรียนในสิ่งชอบ ได้ทำงานในสิ่งใช่ ได้มีคนรักที่ตัวเองต้องการ หรืออะไรก็ตามแต่ที่ไม่ใช่ตามใจคนอื่น คงมีแค่เพียงบนโลกอินเทอร์เน็ตเล็กๆ แห่งนี้กระมัง ที่จะทำให้ข้าพเจ้าทำในสิ่งที่มีความปรารถนาหรือต้องการได้ แม้โลกแห่งความจริงจะไม่มีโอกาสก็ตามแต่


เพลง : ไม่รู้ใจตัวเอง
บอล วิทวัส สิงห์ลำพอง

ทำตามคนโน้น ตามใจคนนี้...เรื่อยมา
I always have in order with every one.
ใจไปทางโน้น ใจไปทางนี้...ทุกเวลา
Alweys in order go this way or that way

*เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ เหมือนฤดูกาล
Alway change like a season.
ไม่เคยแน่นอนซักครั้ง
never sure, not just one.
หลอกตัวเองไปอย่างนั้น มองเลยความฝัน...ในใจ
just deceive myself and looking over the dream in deeply down inside

**ชอบอะไรก็ไม่รู้ ไม่รู้ใจตัวเอง
never know my self, never know what i like
เลือกอะไรก็ไม่รู้ หลงทางไปจนไกล
never know how to choose, Lost the way to go till far a ways.
เพิ่งเข้าใจ เพิ่งจะรู้ ว่ามีเธออยู่ข้างกาย
just understand that you are on my side
ขอเดินไปสู่จุดหมายกับเธอ
intend to go to the destination with you

แปรแปรวนตามฝน รวนเรตามฟ้า..เรื่อยมา
ecentric like a rains , alway change like a skys
มีดีตรงนี้ ยังมองตรงโน้น...เสียเวลา
The good think is here but still looking some where... waste the time

(ซ้ำ */**)

(ซ้ำ **)




ปล.ในที่สุดก็กลับมาเป็นบล็อคร้างไม่มีคนมาอ่านเช่นเคย บอกแล้วว่าไม่มีใครสนใจวชิรัตน์หรอก เวลาเขียนอย่าคาดหวังว่าจะมีคนอ่าน

18 กันยายน 2551

อดทนเวลาที่ฝนพร่ำ

....อดทนเวลาที่ฝนพรำ อย่างน้อยก็ทำให้เราได้เห็นถึงความแตกต่าง เมื่อวันเวลาที่ฝนจาง ฟ้าก็คงสว่างและทำให้เราได้เข้าใจ ว่ามันคุ้มค่าแค่ไหนที่เฝ้ารอ....

เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับฝนอีกแล้วครับ ชีวิตข้าพเจ้าผูกพันธ์กับเรื่องของฟ้าของฝนเสียจริงๆ แถมคราวนี้มาเป็นเพลงเสียด้วย จริงๆ ก็ไม่ได้เจะมาเขียนบันทึกกับภาพยนตร์ฤดูที่แตกต่างหรือมาเขียนอะไรที่เกี่ยวกับฝนอีกหรอกครับ แต่เผอิญความรู้สึกในช่วงนี้มันรู้สึกเข้ากับเพลงนี้เสียจริงๆ ให้ดิ้นตาย

สิ่งแรกที่ต้องอดทนก็คือการเรียนครับ อดทนอย่างไงเหรอ ก็ช่วงนี้โปรเจ็คเยอะมากๆ แล้วก็มีสอบมีอะไรด้วย ต้องอดทนตั้งใจทำงานมากมาย ไม่ง่วงนอนหรือไปนั่งเล่น MSN หรือ Hi5 จนไม่เป็นอันทำการทำงาน แถมโปรเจ็คแต่ละตัวก็ยากเย็นแสนเข็ญจนต้องแก้แล้วแก้อีก นั่งเซ็งไปกันเลยทีเลย

สิ่งต่อมาก็เรื่องเงินเนี่ยละครับ ช่วงนี้ใช้เงินเปลืองมาก เป็นเดือนกันยายนที่โหดรายจริงๆ ต้องพยายามอดทนไม่ซื้อนั่นไม่กินนี่ แต่ยังไงก็มีเหตุให้ได้ใช้เงินอยู่ดี อยากเก็บเงินให้ได้สักก้อนแล้วไปดาวน์คอนโดมิเนียมเองสักห้อง ใกล้จะจบแล้วอยากมีที่อยู่เป็นของตัวเองบ้าง เพราะคงจะได้ทำงานใน กทม แน่ๆ

เรื่องถัดไปที่ต้องอดทนก็เรื่องสุขภาพ ช่วงนี้ปวดหัวบ่อยๆ อาจจะเพราะผลกระทบจากการพักผ่อนน้อย แล้วก็ปวดหลังมากๆ วันก่อนลื่นล้มในห้องเรียน(แล้วด้วยความประสาท)ก็เอาหลังไปฟาดกับคิ้วบันได เพราะแบกและกอดโน้ตบุ๊คไว้ข้างหน้าสุดชีวิต ถ้าโน้ตบุ๊คเจ๊งมากก็คงจะซวยอีกเป็นแน่แท้ แต่เจ็บหลังจริงๆ หลายวันแล้วนะก็ไม่หาย

เรื่องสุดท้ายที่ต้องอดทนก็คงเป็นเรื่องความรักมั้ง(เสี่ยวว่ะ) ต้องทำอะไรที่ขัดกับหัวใจตัวเอง พยายามทำอะไรตรงข้ามกับที่ต้องการ เซ็งจริงๆ เลย เพราะรักเค้ามากล่ะมั้งจึงอยากให้เค้าได้เจอคนที่ดีๆ กว่าเรา พยายามอดใจไม่พูดไม่คุย อดทนเวลาที่เค้าติดต่อเค้ามา เหอๆ ชีวิตมันก็เป็นแบบนี้ล่ะ

ช่วงนี้คงต้องอดทนต่อไปเพราะว่าเป็นฤดูฝนหนิ อีกไม่หนาวก็ฤดูหนาว(ฤดูเหงา)ก็จะมาเยี่ยมเยือนล่ะ หรือเราจะวิ่งฝ่าสายฝนไปเล่นน้ำฝนเลยดีไหม หลังฝนซาฟ้าย่อมสดใสพร้อมสายรุ้งงาม

18 สิงหาคม 2551

ปัดกวาดเช็ดถูก

ฝึกงานเสร็จไปก็เหมือนกับลืมไปว่ามีบล็อคแห่งนี้อยู่เลย ไม่ได้เข้ามาทำอะไรกับมันนานมากๆ อาจเป็นเพราะช่วงฝึกงานใช้เวลาที่ฝึกงานเขียนบันทึก เอิ๊กๆ (งานที่ฝึกงานเลยไม่เสร็จสักที!!) ระลึกถึงต้นเหตุที่ทำให้เขียนบล็อคแห่งนี้ได้ เลยกลับมาปัดกวาดเช็ดถูมันเสียหน่อย หยากไย่ขึ้นเต็มไปหมดแล้ว ฝุ่นหนาหลายนิ้วแล้วด้วย - -"

ผ่านไป ๓ เดือนเป็นไงบ้างเหรอ งานเยอะมากๆ โปรเจ็คมากมาย อันไหนทำเดี่ยวได้ก็พยายามทำเดี่ยว อันไหนไม่ได้ก็ต้องทำเป็นกลุ่ม ใจจริงก็อยากทำเดี่ยวหมดนะ ไม่ใช่ว่าเก่งหรือเทพอะไรหรอกนะ แต่เพราะเป็นคนขี้เกียจ เลยไม่อยากทำให้เพื่อนๆ ทุกท่านมาซวยด้วย เลยพยายามเลี่ยงทำงานเดี่ยวไป แต่งานกลุ่มก็เยอะเหมือนกันนะ ทำยังไม่เสร็จด้วย

นอกจากนั้นก็ยังมีงานจุฬาฯ วิชาการอีก ว่าจะไม่รับผิดชอบงานอะไรแล้วแต่ก็ยังมีงานอีกมากมายที่ไปแจมกับเค้าจนได้ แล้วก็ยังมีงานที่สภานิสิตที่ได้ลองเข้าไปทำกับเค้าอีกงาน ก็สนุกดีนะได้ลองอะไรแปลกๆ ใหม่ๆ และงานที่สำคัญอีกอย่างก็คือทำตัวเป็นปี ๔ ที่ดี เป็นรุ่นพี่ที่ดี ใช้ชีวิตนิสิตในปีสุดท้ายให้ดี เฮออออ อยากต่อโทต่างประเทศจังเลย

ตอนนี้ทั้งชีวิตทุ่มให้แต่การเรียนและการงานเท่านั้นแล้ว เรื่องอื่นๆ อาจจะมีผ่านๆ เข้ามาบ้าง แต่ก็ไม่เอามาคิด(มาก)ให้รกสมองแล้ว เพื่ออนาคตที่ดีต้องเรียนๆๆๆๆ และทำงานๆๆๆๆ แต่ว่าตอนนี้ต้องไปประชุมงานจุฬาฯ วิชาการล่ะ ไปดีกว่า