ทำไมวันที่ ๓๑ ธันวาคม ของทุกปีถึงได้มีความสำคัญมากมาย ผู้คนมากมายต่างเฉลิมฉลองกัน ถ้าพูดกันตรงๆ แล้วก็แค่ที่จะเปลี่ยนเลขศักราชใหม่ หรือวันเปลี่ยนปีนั้นเอง แต่ทำไมคนจึงให้ความสำคัญกับมันนัก และคิดจัดกิจกรรมต่างๆ มากมายขึ้นมาเพื่อให้ต้อนรับปีใหม่ที่จะมาถึง
ที่บ่นๆ ไปเนี่ยไม่ใช่ไม่ชอบงานรื่นเริงหรือวันหยุดหรอกนะครับ แต่ข้าพเจ้าทึ่งกับความช่างคิดสร้างสรรค์ของมนุษย์ ที่ใส่ใจวันธรรมดาวันหนึ่งให้มันมีความพิเศษขึ้นมามากกว่าวันอื่นๆ ทั้งที่มันก็เป็นเพียงวันที่มี ๒๔ ชม. เหมือนวันอื่นๆ ทุกประการ เพียงแต่คนเราเท่านั้นที่ทำให้มันไม่เหมือน
วันนี้และช่วงนี้จึงกลายเป็นวันพิเศษเพราะคนเราให้ความสำคัญเป็นพิเศษ แต่อย่ามัวให้ความสำคัญแต่กับวันพิเศษ แต่กับการเฉลิมฉลองนะ ให้ความสำคัญกับสิ่งใกล้ตัวรอบข้างบ้างก็ยังดี อย่างน้อยๆ ก็ตัวเราเองเลยเนี่ยล่ะ อายุเพิ่มขึ้นอีก ๑ ปี ทำอะไรดีๆ ให้กับโลกมนุษย์แล้วหรือยัง
ปล.วันนี้ข้าพเจ้าไปทำตัวการ์ตูนเต้นฉลองคริสต์มาสมา รู้สึกชอบในความติ๊งต๊องและปัญญาอ่อนไร้สาระดี ใครอยากรับชมสามารถเข้าไปรับชมได้ที่ http://www.jibjab.com/sendables/preview/erKwArVAq62e2TUFfdEhUs7I เตือนว่ามันไม่มีสาระอะไรเลยนะ เอิ๊กๆ
31 ธันวาคม 2550
28 ธันวาคม 2550
ดารา กับ เดินดิน
หลายๆ คนอยากเป็นดารา อยากเป็นคนดัง รู้สึกดีที่ไปไหนก็มีคนรู้จัก รู้สึกดีที่ไปไหนก็มีคนอยากเข้ามาพูดคุย ชอบแสงสีเสียง ชอบที่มีคนมาขอถ่ายรูป ชอบที่มีคนมาขอลายเซ็น เป็นดาราช่างดูมีความสุขจริงๆ ทำเอาหลายๆ คนอยากเป็นดารา อยากเป็นคนดัง อยากเป็นคนสาธารณะ อยากให้ทุกคนรู้จักเราบ้าง
หลายๆ คนอยากเป็นคนเดินดิน ไปไหนมาไหนก็สบาย ไม่มีใครสักคนที่รู้จักเรา ไม่มีใครวิ่งเข้ามาปลื้มอยากพูดคุยด้วย ไม่ชอบความวุ่นวาย ไม่อยากถ่ายรูป ไม่อยากแจกลายเซ็น อยากอยู่เป็นส่วนตัว อยากทำอะไรก็ได้ทำ ทำเอาหลายๆ คนอยากเป็นคนเดินดิน อยากเป็นสามัญชน ไม่อยากให้ใครมารู้จัก
หลายๆ คนไม่อยากเป็นคนเดินดิน ไปไหนก็ต้องรอคิว ไปไหนก็ไม่ได้รับสิทธิพิเศษอะไร บางครั้งยังโดนด่าไล่ตะเพิดด้วยซ้ำ ทำอะไรก็ดูแย่ดูไม่ดีไปเสียหมด ไม่อยากเป็นคนธรรมดาที่ไม่มีใครรู้จัก เพราะฉะนั้นเราจึงต้องเป็นดารา ทำอะไรก็จะมีคนมากรี๊ดกร๊าด ทุกคนอยากรู้จักเรา อยากเป็นดาราจริงๆ เลย
หลายๆ คนไม่อยากเป็นดารา ไปไหนก็มีแต่คนมารุมล้อม แค่จะพักผ่อนเป็นส่วนตัวก็ยังมีมาขอถ่ายรูป ชีวิตต้องทำงานตามตารางเวลา ไปไหนส่วนตัวก็ไม่ได้ ไม่อยากเป็นดาราหรือบุคคลสาธารณะที่ทุกคนรู้จัก เพราะฉะนั้นอยากเป็นคนเดินดิน อยากทำอะไรก็ได้ อยากเป็นอิสระ อยากเป็นคนเดินดินจริงๆ เลย
ทุกคนมีสิทธิ์ฝันและมีสิทธิ์เลือกในทางเดินชีวิตของตัวเอง ดารา หรือ เดินดิน ก็เป็นคนเหมือนกันนะครับ
หลายๆ คนอยากเป็นคนเดินดิน ไปไหนมาไหนก็สบาย ไม่มีใครสักคนที่รู้จักเรา ไม่มีใครวิ่งเข้ามาปลื้มอยากพูดคุยด้วย ไม่ชอบความวุ่นวาย ไม่อยากถ่ายรูป ไม่อยากแจกลายเซ็น อยากอยู่เป็นส่วนตัว อยากทำอะไรก็ได้ทำ ทำเอาหลายๆ คนอยากเป็นคนเดินดิน อยากเป็นสามัญชน ไม่อยากให้ใครมารู้จัก
หลายๆ คนไม่อยากเป็นคนเดินดิน ไปไหนก็ต้องรอคิว ไปไหนก็ไม่ได้รับสิทธิพิเศษอะไร บางครั้งยังโดนด่าไล่ตะเพิดด้วยซ้ำ ทำอะไรก็ดูแย่ดูไม่ดีไปเสียหมด ไม่อยากเป็นคนธรรมดาที่ไม่มีใครรู้จัก เพราะฉะนั้นเราจึงต้องเป็นดารา ทำอะไรก็จะมีคนมากรี๊ดกร๊าด ทุกคนอยากรู้จักเรา อยากเป็นดาราจริงๆ เลย
หลายๆ คนไม่อยากเป็นดารา ไปไหนก็มีแต่คนมารุมล้อม แค่จะพักผ่อนเป็นส่วนตัวก็ยังมีมาขอถ่ายรูป ชีวิตต้องทำงานตามตารางเวลา ไปไหนส่วนตัวก็ไม่ได้ ไม่อยากเป็นดาราหรือบุคคลสาธารณะที่ทุกคนรู้จัก เพราะฉะนั้นอยากเป็นคนเดินดิน อยากทำอะไรก็ได้ อยากเป็นอิสระ อยากเป็นคนเดินดินจริงๆ เลย
ทุกคนมีสิทธิ์ฝันและมีสิทธิ์เลือกในทางเดินชีวิตของตัวเอง ดารา หรือ เดินดิน ก็เป็นคนเหมือนกันนะครับ
27 ธันวาคม 2550
คิดถึงคนคุ้นใจ
ดึกๆ แบบนี้ได้เวลามาสร้างอารมณ์เปลี่ยวๆ เขียนบล็อกเสี่ยวๆ ออกมา จากความเดิมตอนที่แล้วที่มีบ่นๆ เรื่องของใครสักคน จะว่าไปก็อายุ ๒๑ ปีย่าง ๒๒ ปีแล้ว ถ้าข้าพเจ้ายังโกหก หน้าด้าน ว่าไม่มีแฟนก็ดูจะไม่น่าเป็นไปได้ คนเราก็ต้องมีกันบาง อาจจะเป็นแค่แอบชอบ แอบรัก มีคนมาสนใจ หรือจนถึงมีอะไรกัน(เวอร์ไปไหม การกินข้าวด้วยกันถือว่ามีอะไรกันเหรอ - -") แต่ก็จะขอเขียนประเด็นเกี่ยวกับคนที่ผ่านเข้ามาในชีวิตหน่อยก็แล้วกัน ถึงแม้จะผ่านเข้ามาแล้วเลยออกไปเลยก็ตามแต่เหอะ แต่นึกถึงก็มีความสุขได้
แปลกนะที่ตามจีบส่วนใหญ่จะเป็นคนที่อายุน้อยกว่า(เพราะหลอกคนที่อายุเท่ากันไม่ค่อยสำเร็จ) อาศัยหน้าตาแก่เข้าสู้ว่างั้น ก็มีความสุขนะพอคิดถึงเวลาที่ผ่านมา(และผ่านไป) มีจีบคนที่อายุเท่ากันบ้าง แต่ถ้านับวันเกิดกันข้าพเจ้าก็แก่กว่า(ไม่น่าเรียนตามเกณฑ์เลย) คนที่จีบๆ ด้วยก็มีหลากหลายนะ คณะเดียวกัน ต่างคณะ สถาบันเดียวกัน ต่างสถาบัน ฯ (แต่ก็แห้วกินอยู่เรื่อยไป) แต่ก็จะจนจำแต่ช่วงเวลาดีๆ ที่เคยได้ทำอะไรร่วมกับคนที่ข้าพเจ้าพยายามจะจีบ(แต่เค้าไม่สนใจ) วันนี้ก็เกิดอารมณ์คิดถึงช่วงเวลาดีๆ เหล่านั้นขึ้นมาได้ไงก็ไม่รู้
คุณเคยมีไหมช่วงเวลาดีๆ เหล่านี้ ร้องเพลงบางเพลงร่วมกัน ฟังเพลงที่เป็นสื่อตัวแทนแก่กัน ไปทานอาหารที่ต่างๆ ด้วยกัน ไปชมภาพยนตร์การแสดงละครเวทีหรือคอนเสิร์ตด้วยกัน ไปเดินเล่นด้วยกัน ทำบุญร่วมกัน ไปซื้อของด้วยกัน ซื้ออะไรให้กัน นั่งรถไปไหนด้วยกัน โทรศัพท์พูดคุยกันทั้งวันทั้งคืน แอบมองหน้าเวลาเผลอ จับมือกัน จ้องรอยยิ้มกันและกัน มีสถานที่แห่งความทรงจำร่วมกัน ฯลฯ ช่วงเวลาดีๆ เหล่านี้ไม่อยากให้ทุกคนที่เคยผ่านมันลืมเลือนไปเลย ไม่อยากให้คำว่า"เลิกกัน"มาบดบังหรือทำลายความทรงจำดีๆ เหล่านั้นไป
คืนนี้ก็คงจะได้นอนหลับอย่างมีความสุขแล้ว สุขง่ายๆ ที่สร้างขึ้นจากความทรงจำดีๆ ของตัวเอง
แปลกนะที่ตามจีบส่วนใหญ่จะเป็นคนที่อายุน้อยกว่า(เพราะหลอกคนที่อายุเท่ากันไม่ค่อยสำเร็จ) อาศัยหน้าตาแก่เข้าสู้ว่างั้น ก็มีความสุขนะพอคิดถึงเวลาที่ผ่านมา(และผ่านไป) มีจีบคนที่อายุเท่ากันบ้าง แต่ถ้านับวันเกิดกันข้าพเจ้าก็แก่กว่า(ไม่น่าเรียนตามเกณฑ์เลย) คนที่จีบๆ ด้วยก็มีหลากหลายนะ คณะเดียวกัน ต่างคณะ สถาบันเดียวกัน ต่างสถาบัน ฯ (แต่ก็แห้วกินอยู่เรื่อยไป) แต่ก็จะจนจำแต่ช่วงเวลาดีๆ ที่เคยได้ทำอะไรร่วมกับคนที่ข้าพเจ้าพยายามจะจีบ(แต่เค้าไม่สนใจ) วันนี้ก็เกิดอารมณ์คิดถึงช่วงเวลาดีๆ เหล่านั้นขึ้นมาได้ไงก็ไม่รู้
คุณเคยมีไหมช่วงเวลาดีๆ เหล่านี้ ร้องเพลงบางเพลงร่วมกัน ฟังเพลงที่เป็นสื่อตัวแทนแก่กัน ไปทานอาหารที่ต่างๆ ด้วยกัน ไปชมภาพยนตร์การแสดงละครเวทีหรือคอนเสิร์ตด้วยกัน ไปเดินเล่นด้วยกัน ทำบุญร่วมกัน ไปซื้อของด้วยกัน ซื้ออะไรให้กัน นั่งรถไปไหนด้วยกัน โทรศัพท์พูดคุยกันทั้งวันทั้งคืน แอบมองหน้าเวลาเผลอ จับมือกัน จ้องรอยยิ้มกันและกัน มีสถานที่แห่งความทรงจำร่วมกัน ฯลฯ ช่วงเวลาดีๆ เหล่านี้ไม่อยากให้ทุกคนที่เคยผ่านมันลืมเลือนไปเลย ไม่อยากให้คำว่า"เลิกกัน"มาบดบังหรือทำลายความทรงจำดีๆ เหล่านั้นไป
คืนนี้ก็คงจะได้นอนหลับอย่างมีความสุขแล้ว สุขง่ายๆ ที่สร้างขึ้นจากความทรงจำดีๆ ของตัวเอง
25 ธันวาคม 2550
คริสต์มาส ไม่ คิดมาก
วันนี้อารมณ์ดีเป็นพิเศษจึงจะมาเขียนเว็บบล็อกที่เป็นแนวบันทึกสักที เพราะปกติเขียนแนวบ่นๆ น่าเบื่อๆ ที่วันนี้อารมณ์ดีเพราะเป็นครั้งแรก(มั้ง)ในการสอบที่สมองมันไปเร็วมากๆ ไปเร็วกว่าที่มือจะเขียนได้ทัน แต่คาดว่าคงจะเป็นกับวิชานี้แค่วิชาเดียว เพราะพรุ่งนี้หายนะใหญ่จาว่ารอข้าพเจ้าอยู่ สวรรค์กับนรกห่างกันแค่ไม่ถึง ๒๔ ชั่วโมงจริงๆ เอาน่าๆ ตัวสุดท้ายแล้วของการเขียนจาว่า ต้องผ่านมันไปให้ได้
วันนี้เลยถือโอกาสไปอัดการ์ดปีใหม่ให้เพื่อนๆ และทุกคนที่รู้จัก อยากทำอะไรให้ที่เป็นชิ้นเป็นอันและทำเอง(เกือบ)ทั้งหมดบาง ถึงแม้มันจะเห่ย ถึงแม้มันจะดูไม่สวย ถึงแม้มันจะแพงกว่าไปซื้อสำเร็จ แต่ก็รู้สึกดีนะที่ได้ทำการ์ดขึ้นมาเอง นึกถึงสมัยประถมที่ต้องทำการ์ดด้วยมือจริงๆ วาดรูปและระบายสีด้วย ต่างมาหน่อยที่เดี๋ยวนี้ใช้คอมพ์ทำแทน แล้วก็ไปอัดเป็นโปสการ์ดที่ร้านถ่ายรูป

อัดเสร็จก็ไปหาซื้อซองใส่และช็อคโกแลตด้วย(ทั้งที่ตัวเองไม่ทานเพราะเดี๋ยวไมเกรนจะถามหา) แล้วก็ไปหาซื้อปากกาเพื่อไว้เซ็นลายเซ็นอีก ลงทุนไปประมาณใบละ ๘ บาทนิดๆ ทุกคนที่ได้รับต่างก็สนใจกับช็อคโกแลต(แล้วการ์ดข้าพเจ้าล่ะคร้าบ) ส่วนการ์ดก็โดนวิพากย์วิจารณ์เล็กน้อยถึงปานกลาง(ขนาดให้หลายๆ คนช่วยติก่อนแล้วนะ) เอาเหอะๆ ไม่ fail นะ เพราะตั้งใจทำมันออกมาอย่างดีที่สุดแล้ว
ทำไมข้าพเจ้าถึงได้ขี้เกียจอ่านหนังสือเช่นนี้ ปี ๓ แล้วนะเนี่ย อีกไม่นานก็จะสิ้นสุดชีวิตวัยเรียนเข้าสู่วัยทำงาน(อย่างเต็มตัว)แล้ว แต่ใจจริงก็อยากเรียนปริญญาตรีใหม่นะ อยากเรียนนิเทศศาสตร์อีกสักใบ อยากได้ชีวิตมหา'ลัยกลับมาคืนด้วยล่ะ รู้สึกการที่อยู่น่าน ๒ ปีเสียชีวิตส่วนนั้นไปเยอะ แต่ก็ได้อะไรมาแลกเปลี่ยนนะ ได้"เพื่อน"ไงล่ะ ถึงแม้จะน้อยคน แต่ก็ยังมีคนทนความน่าเบื่อและความเลวของข้าพเจ้าได้ เก่งจริงๆ
ปีใหม่นี้จะไป Count Down ที่ไหนดีหนอ ๓ ปีที่ผ่านมาอยู่หน้าคอมพ์นับถอยหลังกับใครบางคนที่เค้าคงไม่มีวันกลับมานับถอยหลัง พูดคุย หรือกลับมามองหน้ากันได้อย่างเคย มีอะไรมากมายที่เค้าไม่ได้รู้ มีอะไรหลายอย่างที่ข้าพเจ้าตัดสินใจผิดพลาดไปเอง ช่างเหอะ ชีวิตจะต้องดำเนินต่อไป แต่จะมีใครสนใจมาดำเนินชีวิตร่วมกันหรือเปล่านี้ก็เป็นนอีกเรื่องหนึ่ง(น้ำเน่าได้อีก) "ตราบใดมีรัก ย่อมมีความหวัง"
วันนี้เลยถือโอกาสไปอัดการ์ดปีใหม่ให้เพื่อนๆ และทุกคนที่รู้จัก อยากทำอะไรให้ที่เป็นชิ้นเป็นอันและทำเอง(เกือบ)ทั้งหมดบาง ถึงแม้มันจะเห่ย ถึงแม้มันจะดูไม่สวย ถึงแม้มันจะแพงกว่าไปซื้อสำเร็จ แต่ก็รู้สึกดีนะที่ได้ทำการ์ดขึ้นมาเอง นึกถึงสมัยประถมที่ต้องทำการ์ดด้วยมือจริงๆ วาดรูปและระบายสีด้วย ต่างมาหน่อยที่เดี๋ยวนี้ใช้คอมพ์ทำแทน แล้วก็ไปอัดเป็นโปสการ์ดที่ร้านถ่ายรูป

การ์ดที่เสียเวลาวันกว่าๆ ในการ์ดทุลักทุเลใช้โฟโต้ช็อปทำ
อัดเสร็จก็ไปหาซื้อซองใส่และช็อคโกแลตด้วย(ทั้งที่ตัวเองไม่ทานเพราะเดี๋ยวไมเกรนจะถามหา) แล้วก็ไปหาซื้อปากกาเพื่อไว้เซ็นลายเซ็นอีก ลงทุนไปประมาณใบละ ๘ บาทนิดๆ ทุกคนที่ได้รับต่างก็สนใจกับช็อคโกแลต(แล้วการ์ดข้าพเจ้าล่ะคร้าบ) ส่วนการ์ดก็โดนวิพากย์วิจารณ์เล็กน้อยถึงปานกลาง(ขนาดให้หลายๆ คนช่วยติก่อนแล้วนะ) เอาเหอะๆ ไม่ fail นะ เพราะตั้งใจทำมันออกมาอย่างดีที่สุดแล้ว
ทำไมข้าพเจ้าถึงได้ขี้เกียจอ่านหนังสือเช่นนี้ ปี ๓ แล้วนะเนี่ย อีกไม่นานก็จะสิ้นสุดชีวิตวัยเรียนเข้าสู่วัยทำงาน(อย่างเต็มตัว)แล้ว แต่ใจจริงก็อยากเรียนปริญญาตรีใหม่นะ อยากเรียนนิเทศศาสตร์อีกสักใบ อยากได้ชีวิตมหา'ลัยกลับมาคืนด้วยล่ะ รู้สึกการที่อยู่น่าน ๒ ปีเสียชีวิตส่วนนั้นไปเยอะ แต่ก็ได้อะไรมาแลกเปลี่ยนนะ ได้"เพื่อน"ไงล่ะ ถึงแม้จะน้อยคน แต่ก็ยังมีคนทนความน่าเบื่อและความเลวของข้าพเจ้าได้ เก่งจริงๆ
ปีใหม่นี้จะไป Count Down ที่ไหนดีหนอ ๓ ปีที่ผ่านมาอยู่หน้าคอมพ์นับถอยหลังกับใครบางคนที่เค้าคงไม่มีวันกลับมานับถอยหลัง พูดคุย หรือกลับมามองหน้ากันได้อย่างเคย มีอะไรมากมายที่เค้าไม่ได้รู้ มีอะไรหลายอย่างที่ข้าพเจ้าตัดสินใจผิดพลาดไปเอง ช่างเหอะ ชีวิตจะต้องดำเนินต่อไป แต่จะมีใครสนใจมาดำเนินชีวิตร่วมกันหรือเปล่านี้ก็เป็นนอีกเรื่องหนึ่ง(น้ำเน่าได้อีก) "ตราบใดมีรัก ย่อมมีความหวัง"
24 ธันวาคม 2550
4 คุณสมบัติที่อยากเจอจากคนรู้จัก
"ไว้ใส่แน่จริง" เป็นสิ่งที่ข้าพเจ้าอยากได้หรืออยากเจอจากคนที่รู้จักเป็นอย่างยิ่ง ทำไมนั่นเหรอ ก็ถ้าคนที่คบกันมีคุณสมบัติเพียงแค่ ๔ อย่างนี้ ข้าพเจ้าว่ามันก็พอเพียงและเพียงพอสำหรับข้าพเจ้าแล้ว
- ไว้ใจ - ไว้ใจข้าพเจ้าว่าสามารถทำสิ่งต่างๆ ได้อย่างแน่นอน และทำออกมาได้ผลลัพท์ที่ดีด้วย
- ใส่ใจ - ใส่ใจข้าพเจ้าว่าเป็นอย่างไร สบายดีไหม เป็นอย่างไรบ้าง หรือรู้สึกอย่างไร
- แน่ใจ - แน่ใจข้าพเจ้าว่าเป็นดั่งคนที่เคยรู้จักอย่างแน่นอน ไม่หูเบาเชื่อคำพูดของคนอื่นๆ ทั่วไป
- จริงใจ - จริงใจข้าพเจ้า ไม่ใช่คบกันแค่หวังผลประโยชน์จากข้าพเจ้า ไม่ใส่หน้ากากเพื่อหวังประโยชน์
ขอเพียงเท่านี้และ ไม่ว่าจะเป็นคนรู้จัก เพื่อน มิตร สหาย คนรู้ใจ หรือใครก็ตาม อยากได้เพียงแค่ ๔ อย่างนี้เท่านั้น ข้าพเจ้าก็พร้อมจะยอมกายพลีกายถวายชีวิตให้เป็นอย่างแน่แท้แล้ว
23 ธันวาคม 2550
21 สิ่งที่แสดงถึงวชิรัตน์ ประเสริฐยิ่ง
- สีเขียว - แต่ก่อนชอบสีแดงแต่เปลี่ยนมาชอบสีเขียวตอน ป.๓ เพราะอยู่กีฬาสีสีเขียว และก็เกลียดสีแดงแทน
- นาฬิกาดิจิตอล - ชอบนาฬิกาประมาณ ป.๕ ต้องเป็นนาฬิกาดิจิตอลด้วยเพราะดูนาฬิกาอนาล็อกไม่ถูก
- โทรศัพท์มือถือ - ถือไว้เฉยๆ จริงๆ บางช่วงก็ได้ใช้มากมายจนต้องพกที่ชาร์ท บางช่วงก็เงียบเหลือเกิน
- กระเป๋าที่ยัดทุกอย่าง - เริ่มไม่แปลกใจว่าทำไมใครๆ ถึงเรียกว่าโดราเอม่อน กระเป๋ายัดไว้ทุกสิ่งจริงๆ
- โน้ตบุ๊ค - พอมีโน้ตบุ๊คเป็นของตัวเองก็เริ่มแบกๆ ไปไหนก็แบกตลอด ไปค่ายไหนก็ขนไป บ้าพลังจริงๆ
- MP4 - เป็นคนที่ชอบฟังเพลง(แต่เล่นดนตรีไม่เป็นเลย) เลยต้องพกไว้ ว่างๆ ก็เอามาเสียบฟัง
- อุปกรณ์ไอที - จะบ้าพกอีกมากมาย ของรวมเป็นข้อเดียวเลยแล้วกัน Gadget อะไรใหม่ๆ เป็นต้องหามา
- แว่นตา -มาใส่ตอนอยู่มหาวิทยาลัย เพราะเล่นคอมพ์มากมาย ใส่แล้วสบายตาดีด้วย แตกไปแล้ว ๒ รอบ
- อ้วนๆ บวมๆ - เป็นอะไรที่โดดเด่นมาแต่ไกล แต่หลังๆ ก็ลดหุ่นลงมาเยอะแล้วนะเนี่ย แต่ก็ยังบวม
- การกิน - Enjoy Eating คำนี้คงเป็นคำอธิบายได้ง่ายๆ อะไรอร่อยต้องไปหาลองทานให้ได้
- นอนมาราธอน - คนอะไรสามารถนอนได้ ๒ วันโดยไม่ตื่นขึ้นมาทานอะไร(ยกเว้นเข้าห้องน้ำ) นอนได้โหดจริงๆ
- ขี้เกียจ - อาจจะเป็นผลพวงมาจากข้อข้างบน เลยทำให้เป็นคนที่ค่อนข้างขี้เกียจ(มากไปหน่อย)
- ปากหมา - เป็นความสามารถพิเศษเฉพาะตัวที่สมองสามารถคิดหาเรื่องกัดชาวบ้านได้ตลอดเวลา
- รก - อีกหนึ่งความสามารถที่สามารถทำห้องสะอาดๆ รกได้ภายใน ๑ สัปดาห์ จะเก็บอย่างไรก็ยังรกเหมือนเดิม
- การศึกษา - ไม่ใช่มีการศึกษาดีหรอกนะ แต่ได้มาทำงานเกี่ยวกับแอดมิชชั่น อยู่กับการศึกษาพอสมควร
- ข่าว - เป็นแหล่งอัพเดทข่าวให้คนอื่นประจำ และข่าวใหม่ๆ ก็ชอบมาหาเป็นประจำ เลยกลายเป็นแหล่งข่าว
- ดีเจ - จริงๆ แล้วไม่ได้เป็นดีเจเป็นแค่ผู้ประกาศ(ที่ยังไม่เคยได้ไปสอบให้ผ่าน) แต่จริงๆ อยากเป็นโปรดิวเซอร์มากกว่า
- เพลง - เป็นคลังเพลงย่อมๆ ให้คนมาถามหาเพลงได้ แต่ไม่สามารถร้องเพลงได้ถูกคีย์เลย
- เว็บไซต์ - ถ้าไม่ได้นั่งทำเว็บไซต์เองก็จะบ้านั่งคลิกดูเว็บไซต์หรือบล็อกชาวบ้านไปเรื่อยๆ
- เลขสี่ - เป็นลูกคนที่ ๔ เป็นหลานคนที่ ๒๔ เกิดวันที่ ๒๔ เกิดบ่าย ๔ โมง ๔๐ นาที อะไรๆ ก็เลข ๔
- UBYI - หลายคนชอบถามว่าแปลว่าอะไร จริงแล้วๆ มันเป็นคำว่า"หยก"เขียนกลับหัว ลองดูได้
22 ธันวาคม 2550
21 สิ่งที่เรียนรู้ ภายในอายุ 21 ปี ของกระผม
- ทำอะไรก็ตาม ถ้ามีคนเริ่ม ก็จะมีคนตาม - ลองก้าวข้ามถนนเป็นคนแรกดูเลยก็ได้ คนที่เหลือจะข้ามตาม
- Taxi เวลาที่เราต้องการจะไม่มา แต่เวลาไม่ต้องการ มันจะมา - เวลารอรถเมล์นี้ชอบมากันจริงๆ
- ฝนจะตกในวันที่ไม่ได้พกร่มหรือเสื้อกันฝนมา - แต่เวลาพกติดตัวไว้มันจะไม่ตกประจำเลย
- เวลาที่รีบๆ มักจะทำอะไรได้ช้าลงกว่าเวลาที่ไม่รีบ - ลองจับเวลาดูได้ เพราะฉะนั้นทำมันตามปกติ
- คนเราจะมองกันที่หน้าตา ชอบคนเลว(เธอดีเกินไป) และแต่งงานกับคนมีเงิน - ทำใจอย่างเดียว
- ไปเดินซื้อของตอนท้องว่าง ไม่ดีต่อกระเป๋าตังเลย - ลองเดินตอนอิ่มๆ จะไม่อยากซื้ออะไรเท่าไร
- ทุกทีที่เจอใครที่ไม่ได้เจอกันนานๆ จะทักว่าดูอ้วนขึ้นหรือดูผอมลงนะ - จะมีใครทักว่าดูปกติดีไหม
- คนที่เรียนคณะเกี่ยวกับคอมพ์ไม่จำเป็นต้องชอบคอมพ์เสมอไป - แค่รู้จักเมาส์ คียบอร์ด หน้าจอก็พอแล้ว
- ทุกห้องเรียนจะต้องประกอบไปด้วยคนประเภทดังต่อไปนี้อย่างน้อยอย่างละ 1 คน หล่อ สวย อ้วน ใส่แว่น รวย สูง ขาว ดำ
- ถ้าเราปรับปรุงนิสัยแย่ๆ ของตัวเอง เพื่อนก็จะเข้าใจว่าเราไม่สบายหรือผิดปกติ - แต่ไม่ปรับปรุงก็โดนด่า
- คนหลายๆ คนจะจำเราได้ทันทีเมื่อต้องการความช่วยเหลือ - แต่ร้อยวันพันปีไม่เคยมาคุยด้วย
- ผู้ชายจะเห็นเพื่อนสำคัญกว่าครอบครัว แต่ผู้หญิงจะเห็นครอบครัวสำคัญกว่าเพื่อน
- เซเว่น จะเขียนภาษาอังกฤษคำว่า ELEVEn ด้วย n พิมพ์เล็กเสมอ - อยากรู้ว่าทำไม
- นาฬิกาปลุกจะมีความผิดเมื่อเราตื่นสาย แต่ไม่เคยได้รับคำชมเมื่อเราตื่นทันเวลา
- เชื่อในความรู้สึกของตัวเองไว้ก่อน - เพราะมนุษย์มีสัญชาตญาณในการเอาตัวรอดเสมอ
- ประกวดอะไรก็ตามอย่าตั้งใจมากเกินไป - ผู้ชนะเลิศแทบทุกงานไม่เคยคิดว่าตัวเองจะมาถึงจุดนี้ได้
- โปรแกรมสนทนาผ่านอินเทอร์เน็ตส่งได้แต่ข้อความนะ ส่งความรู้สึกไม่ได้ - อะไรที่สำคัญบอกด้วยตัวเองดีกว่า
- คำพูด 6 อย่างที่ควรพูดให้ติดปาก สวัสดี ขอบคุณ ขอบใจ ไม่เป็นไร ให้อภัย ขอโทษ - โลกจะน่าอยู่ขึ้นเยอะ
- ของแพงไม่ได้ดีกว่าของถูกเสมอไป - แต่มันช่วยให้เรา"รู้สึก"ว่าดีกว่า เท่านั้นเอง
- คำพูดบางครั้งก็ไม่ได้คิด แต่ความคิดบางครั้งก็ไม่ได้พูด - เพราะฉะนั้นอย่าใส่ใจคำพูด แต่ให้ใส่ใจความคิด
- ไม่มีอะไรใหม่ภายใต้ดวงอาทิตย์นี้ - ทุกผลงานต้องมีแรงบันดาลใจ อย่าลืมขอบคุณต้นแบบของคุณล่ะ
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)