27 มกราคม 2552

ความทรงจำสีจาง

ฟื้นตัวหลังจากสลบมาเกือบครบ ๒๔ ชั่วโมง ทั้งที่เป็นวันตรุษจีนแท้ๆ แต่กลับต้องมานอนซมหมดสภาพ ว่าจะออกไปชมสุริยุปราคาก็ไม่ได้ออกไปชมจนได้ เหตุที่ข้าพเจ้านอนเดี้ยงได้ขนาดนี้เพราะหมดสภาพจากงานสรุปเข้มฯ ครั้งที่ ๕ ที่จัดโดยวิทยุจุฬาฯ ตลอดระยะเวลากว่า ๓ สัปดาห์ ในที่สุดงานนี้ก็จบลงไปได้เสียที

งานนี้ก็เช่นทุกปีที่ผ่านมา แต่อาจจะพิเศษกว่าปีอื่นๆ ตรงที่ได้ทำอะไรมากมาย และแปลกๆ มากกว่าปีที่ผ่านๆ มา ได้ทำอะไรยากและท้าทายขึ้น จริงๆ อาจเพราะปีนี้อาจเป็นปีสุดท้ายแล้วที่มีโอกาสมาร่วมจัดงานในฐานะนิสิตจุฬาฯ ไม่รู้ว่าปีหน้าจะได้ไปทำงานที่ไหน และจะได้มีโอกาสกลับมาทำไหม ปีนี้ก็เลยบ้าพลังแบบสุดๆ ไปเลย

แต่ประเด็นหลักที่มาเขียนบันทึกคราวนี้ มีสิ่งหนึ่ง(เรียกว่าบุคคลหนึ่งดีกว่า)มาจี๊ดสมองข้าพเจ้าเล่นๆ ทำให้ความทรงจำเกี่ยวกับบางคนมันเพิ่มพูนกลับมาหาข้าพเจ้ามากขึ้นเรื่อยๆ คืออย่างนี้ครับ ได้ไปเจอน้องคนหนึ่งที่มางานติวครั้งนี้ แล้วบังเอิญลักษณะและบุคคลของน้องคนนี้ก็ไปคล้ายคลึงกับคนในความทรงจำคนหนึ่งของข้าพเจ้าเข้าให้

แต่ยิ่งไปกว่านั้น ชื่อน้องคนนี้ดันไปสอดคล้อง พูดง่ายๆ ก็คือ เป็นคำต่อกับชื่อคนในความทรงจำของข้าพเจ้าด้วย ดูสิว่ามันจะบังเอิญขนาดไหน พอได้ลองไปพูดคุยด้วย ลักษณะของน้องคนนี้ก็ยิ่งคล้ายกับคนในความทรงจำของข้าพเจ้าอย่างยิ่ง แต่พอจบงานก็ไม่ได้แลกเมล์หรือเบอร์โทรอะไรกับน้องเค้าหรอก แต่ก็ต้องขอบคุณน้องคนนั้นที่ทำให้ข้าพเจ้ามีความสุขกับความทรงจำสีจางๆ

ปิดท้ายบันทึกครั้งนี้เลยเรื่องเพลงนี้มาปิดท้ายเลย ให้เข้ากับเนื้อหาเสียหน่อย เป็นอีกหนึ่งเพลงที่หลายๆ คนน่าจะชอบนะ เพราะเป็นเพลงประกอบภาพยนตร์ที่หลายๆ คนรวมทั้ง"คนในความทรงจำ"ของข้าพเจ้าชอบด้วย


เพลง: ความทรงจำสีจาง
ปาล์มมี่

ใครคนหนึ่ง คนนั้น ในวันหนึ่ง วันนั้น
เคยผูกผันกัน ซะมากมาย
เพราะวันที่ห่างเหิน มันก็เริ่มห่างหาย
เพียงแค่เพราะเราไม่เจอะกัน

ไม่เรียกร้องให้กลับมา หรือว่าผลักใส หรืออะไรทั้งนั้น
เก็บเอาไว้ในส่วนลึก ซ่อนอยู่อย่างนั้น รู้ว่ามันไม่ไปไหน
แม้กระทั่งตอนนี้ เขายังอยู่ตรงนั้น ในภาพทรงจำสีจางจาง

เหมือนว่าจะเลือนหาย คล้ายว่าจะเลือนลาง
บางอย่างก็ยังไม่เปลี่ยนไป

ไม่เรียกร้องให้กลับมา หรือว่าผลักใส หรืออะไรทั้งนั้น
เก็บเอาไว้ในส่วนลึก ซ่อนอยู่อย่างนั้น รู้ว่ามันไม่ไปไหน
แม้กระทั่งตอนนี้ เขายังอยู่ตรงนั้น ในภาพทรงจำสีจางจาง

... ในความทรงจำสีจาง




ปล. ว่าแล้วก็อยากดูภาพยนตร์เรื่อง"แฟนฉัน"นะ ไม่ได้ดูตั้งนานแล้ว

17 มกราคม 2552

งามรุมทับหัวแล้วครับ

ผ่านไป 1 เดือนก็ได้เวลาดีมาเขียนบันทึกตอนใหม่ ว่าจะเขียนหลายวันแล้วแต่ก็รอให้มีเวลาว่างๆ ก่อนสักหน่อย เพราะช่วงนี้งานที่เขียนไว้จากครั้งที่แล้วทั้ง 4 งานกำลังรุมทับหัวข้าพเจ้าอย่างยิ่ง โดยเฉพาะช่วงนี้กับงานสรุปเข้มฯ ครั้งที่ 5 ที่อดตาหลับขับตานอนทำงานแบบไม่พักผ่อนกันเลยทีเดียว

ปีนี้ก็น่าจะเป็นปีสุดท้ายที่ได้มาช่วยจัดกิจกรรมนี้แล้วกระมัง เลยมาช่วยงานอย่างสุดกำลังและความสามารถ ทำในหลายๆ งานและหน้าที่ ประดุจดังว่าเป็นพนักงานของสถานีวิทยุจุฬาฯ ก็ไม่ปาน เบื้องหลังหรือเบื้องหน้าก็พยายามเข้าไปยุ่งและข้องเกี่ยวกับเค้าไปเสียทุกอย่าง ก่อนที่จะไม่มีโอกาสมาทำอะไรแบบนี้แล้ว เพราะคงเป็นมนุษย์ออฟฟิศแทน

ขอ(แอบ)เรื่องสุขภาพตัวเอง พอพักผ่อนน้อยก็มีอาการต่างๆ เข้ามาทันที ไม่อยากไปหาหมอแล้ว ไม่อยากกินยาอะไร ไม่อยากผ่าตัดด้วย อยากมีชีวิตไร้สาระแบบคนปกติทั่วไป แต่ก็น่าจะไม่เป็นอะไรมากหรอก ถ้านอนหลับพักผ่อนเยอะๆ กินอาหารครบ 5 หมู่ มีเวลาไปออกกำลังกาย ร่างกายก็คงคืนสภาพได้เอง

หรือถ้าจะให้ดีกว่านั้น คงต้องรับสมัครคนที่สนใจจะมาดูแลชายหนุ่มคนนี้นะครับ เอิ๊กๆ ตอนนี้ยิ่งฟังเพลงรักๆ หรือเห็นคู่รักไม่ค่อยได้เลย ไม่งั้นจะรู้สึกอิจฉาอย่างยิ่ง เอิ๊กๆ พอมาฟังเพลงเศร้าๆ น้ำตาก็คลอๆ ซึมๆ จนมีคนทักแล้วว่าทำไมแววตาดูเศร้าๆ ใครว่าข้าพเจ้าเศร้า ออกจะสนุกสนาน เฮฮา และร่าเริงสุดๆ

มาปิดท้ายกันด้วยเพลงใหม่ของแคลอรี่ บลา บลา ดีกว่า ตอนนี้ชอบเพลงนี้มากมาย รู้สึกโดนดีนะ ความจริงมีหลายเพลงที่โดนในตอนนี้ แต่หา MV เพลงนี้ได้ก่อนเลยเลือกเอาเพลง"อย่าไปไหนอีกนะ"มาปิดท้ายการเขียนบันทึกครั้งนี้ดีกว่า ยังไงเธอก็คงไม่กลับมาหรอกใช่ไหม แล้วข้าพเจ้าก็คงจะต้องรอคอยต่อไป....


เพลง: อย่าไปไหนอีกนะ
แคลอรี่ บลา บลา

ทุกวันตั้งแต่เธอเดินจากฉันไป
รู้ไหมเป็นยังไงอ้างว้างเพียงใดเมื่อไม่มีเธอ
ทุกคืนได้แต่ภาวนาให้เธอ ทบทวนใจตัวเอง
ให้พบความจริงว่าเธอรักใคร และกลับมาอยู่ตรงนี้

อย่าไปไหนอีกนะเธอ ถ้ายังรักฉันก็อภัย
อย่าไปไหนอีกเหมือนเคย ถ้าเธอรู้ว่าเธอรักใคร
อยู่ด้วยกันตรงนี้ ทุกวินาทีเรื่อยไป
อย่าหายไปอีก หายไปจากฉันอีกนะได้ไหมถ้าเธอรักกัน

น้ำตามันเอ่อล้นมาจากสองตา
เพราะมันเกินบรรยายที่ได้เจอกันเหมือนในวันวาน
เข้าใจและไม่มีอะไรต้องการ เรื่องราวในวันวาน
ที่ทิ้งกันไปก็จะไม่จำ ไม่ทำให้เธอหนักใจ

อย่าไปไหนอีกนะเธอ ถ้ายังรักฉันก็อภัย
อย่าไปไหนอีกเหมือนเคย ถ้าเธอรู้ว่าเธอรักใคร
อยู่ด้วยกันตรงนี้ ทุกวินาทีเรื่อยไป
อย่าหายไปอีก หายไปจากฉันอีกนะได้ไหมถ้าเธอรักกัน

วันเวลาของเราที่หายไป
ไม่เคยจะใส่ใจ เสียแล้วก็เสียไป
วันเวลาของเราที่เริ่มใหม่ สำคัญกว่า
หากเธออยู่เคียงข้างฉัน

อย่าไปไหนอีกนะเธอ ถ้ายังรักฉันก็อภัย
อย่าไปไหนอีกเหมือนเคย ถ้าเธอรู้ว่าเธอรักใคร
อยู่ด้วยกันตรงนี้ ทุกวินาทีเรื่อยไป
อย่าหายไปอีก หายไปจากฉันอีกนะได้ไหมถ้าเธอรักกัน




ปล.ในวันที่เธอไปหาคนอื่น รู้ไหมฉันฝืน ยืนมองตั้งนาน เขาไม่ได้รักเธออย่างจริงจัง รู้ไหม
ฉันรู้ว่าฉันให้เธอมากกว่า และมากกว่านี้ ฉันก็ให้เธอได้ ฉันมั่นใจ ฉันรอได้กว่าวันที่เธอมา....

18 ธันวาคม 2551

กลับมาเขียนบันทึก

ก่อนอื่นต้องขอโทษมิตรรักชาวบล็อกทั้งหลายที่ไม่ได้เขียนบันทึกมานานกว่าเดือนครึ่ง เพราะมีงานมากมายเข้ามารุมเร้าทำให้ไม่มีเวลาว่างสักเท่าไร ประกอบกับไม่มีคนอ่านเลย เขียนเองอ่านเองแบบนี้เลยหยุดเขียนก่อนสักพัก เอาเวลาไปทำงานอย่างอื่นเสียหน่อย ตอนนี้พอมีเวลาว่างเลยกลับมาปั่นบล็อกอีกครั้งหนึ่ง

ช่วงที่ผ่านมาก็มีงานเข้ามามากมาย มากเสียจนช่างดูโหดร้ายกับข้าพเจ้ายิ่งนัก ทั้งงานหลวงและงานราษฎร์ แต่ทำไมมีแต่งานที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ แถมหลายๆ งานยังจะต้องเข้าเนื้อตัวเองอีก จะเรียกว่าเป็นช่วงเวลาที่น่าจดจำไหม ก็ไม่ค่อยน่าจดจำหลายอย่างนะ แต่ก็ช่างมันเสียเถิดเพราะในที่สุดแล้วข้าพเจ้าก็ผ่านพ้นมันมาได้

ช่วงนี้ก็มีงานนะไม่ใช่ว่าจะว่างงานแต่อย่างใด งานใหญ่ๆ ที่น่านักใจช่วงนี้มีถึง ๔ อย่างด้วยกัน คือ ๑.ซีเนียร์โปรเจ็ค(ถ้าไม่เสร็จ ก็ไม่จบ) ๒.สรุปเข้มฯ ครั้งที่๕(ไม่รู้จะเป็นปีสุดท้ายที่ได้ทำหรือเปล่า) ๓.ติดตามและประเมินผล(งานนี้ก็หนักหนาน่ายุบฝ่ายทิ้งเสียนะ) ๔.หนังสือจุฬาฯ บัณฑิต(งานที่ท้าทายภายใต้แรงกดดันสูงยิ่ง)

เอาเป็นว่าชีวิตช่วงนี้ข้าพเจ้าเต็มไปด้วยงานนะขอรับ ถ้าคิดถึงมากก็ต้องโทรหากันเอา เพราะ MSN ก็ไม่ค่อยจะออนไลน์ อินเทอร์เน็ตหอและคอมพ์ต่างแข่งกันเน่าลงเรื่อยๆ อีกไม่นานคงจะต้องยอมถอยคอมพ์ใหม่เสียแล้วมั้ง ส่วนความรักหลายคนคงคิดว่ากำลังหวานนะครับ บางทีความจริงอาจไม่เป็นอย่างที่ท่านๆ คิดกันก็ได้นะ

อีกไม่กี่วันก็ปีใหม่ วันก่อนก็พึ่งทำการ์ดแจกเพื่อนๆ และคนรู้จักไป เดี๋ยวถ้ามีอารมณ์และว่างจะ Save for web แล้วเอามาอัพให้ได้รับชมกันนะขอรับ วันนี้เลยเลือกเพลงนี้มาปิดท้ายบันทึกประจำครั้งนี้ เป็นเพลงเก่าพอสมควร MV ถ่ายได้เจ๋งดีนะ ตอนนี้อารมณ์ข้าพเจ้ากำลังประมาณนี้เห็นจะได้ คิดว่าคงมีคนมาให้ของขวัญข้าพเจ้าบ้างนะ จะดีใจมากๆ



เพลง : อยากได้
ออย วันศิริ

เห็นใครๆเขาดูมีความสุข ได้รับดอกไม้ช่อใหญ่
เสียงเค้าหัวเราะฟังดูสดใส คงเพราะว่าภายในใจเค้ารักกัน

แต่เมื่อย้อนมาดูตัวเอง ก็ไม่เห็นเคยเป็นอย่างนั้น
อยู่เพียงตัวคนเดียว และอยู่ไปวันวันหมดความหมาย

อยากได้ดอกไม้บ้าง อยากได้ของขวัญให้ฉันบ้าง จะมีทางเป็นจริงซักเมื่อไร
อยากมีความรักและอยากที่จะมีเขาอยู่ใกล้ๆ เมื่อไรจะเจอซักที

ถ้าฉันมีเขาคงมีความสุข และคงได้ดอกไม้ช่อใหญ่
เสียงฉันหัวเราะคงฟังสดใส ก็เพราะมีใครสักคนที่รักกัน

แต่เมื่อย้อนมาดูตัวเอง ก็ไม่เห็นเคยเป็นอย่างนั้น
อยู่เพียงตัวคนเดียว และอยู่ไปวันวันหมดความหมาย

อยากได้ดอกไม้บ้าง อยากได้ของขวัญให้ฉันบ้าง จะมีทางเป็นจริงซักเมื่อไร
อยากมีความรักและอยากที่จะมีเขาอยู่ใกล้ๆ เมื่อไรจะเจอซักที

อยากได้ดอกไม้บ้าง อยากได้ของขวัญให้ฉันบ้าง จะมีทางเป็นจริงซักเมื่อไร
อยากมีความรักและอยากที่จะมีเขาอยู่ใกล้ๆ เมื่อไรจะเจอซักที

อยากได้ดอกไม้บ้าง อยากได้ของขวัญให้ฉันบ้าง จะมีทางเป็นจริงซักเมื่อไร
อยากมีความรักและอยากที่จะมีเขาอยู่ใกล้ๆ เมื่อไรจะเจอซักที

อยากได้ดอกไม้บ้าง อยากได้ของขวัญให้ฉันบ้าง จะมีทางเป็นจริงซักเมื่อไร
อยากมีความรักและอยากที่จะมีเขาอยู่ใกล้ๆ เมื่อไรจะเจอซักที

เมื่อไรจะเจอซักที

เมื่อไรจะเจอ เจอเขาซักที





ปล. ของขวัญที่กำลังอยากได้ช่วงนี้นะ Notebook HP สักเครื่อง กล้อง DSLR สักตัว มือถือ Nokia N81 สักอัน ถ้าได้จริงๆ คงจะดีใจน่าดูเลย ไปนอนฝันต่อดีกว่า

03 พฤศจิกายน 2551

งานที่สภานิสิต

เปิดเทอมสุดท้ายไปแล้วเป็นเวลา ๑ สัปดาห์ครับ มีเรื่องราวมากมายให้ทำเลย เรื่องการเรียนก็พอสมควร เรื่องกิจกรรมยิ่งมีเยอะกว่า ตอนนี้ข้าพเจ้ามารับตำแหน่งในสภานิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยอย่างเต็มตัวแล้วครับ เป็น"ประธานกรรมธิการฝ่ายติดตามและประเมินผล" ชื่อฟังดูหรูหราแต่งานที่ทำไม่ได้ดูสวยงามเหมือนชื่อตำแหน่งหรอกนะครับ

นอกจากจะต้องติดตามและประเมินผลกิจกรรมต่างๆ ภายในจุฬาฯ เพื่อที่จะสร้างมาตรฐานใหม่ให้กิจกรรมที่จัดโดยนิสิตแล้ว ยังต้องมาสู้รบกับสมาชิกและเจ้าหน้าที่ในสภานิสิตด้วย เนื่องด้วยอยู่ปี ๔ แล้วเลยต้องช่วยแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นของน้องๆ ภายในสภานิสิตด้วย ทั้งปัญหาเรื่องของคน(เยอะมากๆ) ปัญหาเรื่องงาน เรื่องเงิน รวมไปถึงเรื่องส่วนตัวของหลายๆ คนด้วย

บางทีก็สนุกดีนะมีอะไรให้ทำมากมาย บางทีก็เหนื่อยจนนั่งน้ำตาซึมว่าจะทำไปทำไม แต่สุดท้ายข้าพเจ้าก็ต้องทำให้เต็มที่ แม้ว่าหลายๆ อย่างที่ทำลงไปจะไม่ชอบใจตัวเอง หนือไม่ชอบใจคนอื่นๆ บ้าง แต่เพื่อส่วนรวมและเพื่อจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ข้าพเจ้าก็พร้อมและยินยอมที่จะปฏิบัติหน้าที่เหล่านี้ ถึงแม้จะเป็นอย่างไรก็ตามแต่ก็จะพยายามให้สุดความสามารถ

ทำงานเยอะๆ จนไม่มีคนมารักหรือมาสนใจด้วยตอนนี้ เจอแฟนเก่าก็มีคนใหม่ไปแล้ว ก็ยินดีกับเค้าด้วยที่ได้เจอคนที่ดีกว่าข้าพเจ้า ส่วนตัวข้าพเจ้าเองก็คงต้องอยู่กับตัวเองต่อไป อยู่ปี ๔ แก่แล้วด้วยใครจะมาสนใจ หน้าตาก็ไม่ดีแถมหุ่นก็อ้วนกลม(พยายามลดแล้วนะน้ำหนัก ทรมานมากมาย แต่ก็ไม่สำเร็จ) ข้าพเจ้าก็แค่คนธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้นเอง


เพลง : คนธรรมดา
The August Band

วันเวลาที่แสนสวยงามของเรา อาจจบเท่านั้น
เป็นเพียงเพราะเราใช้มันทำให้กันและกัน ต้องเสียใจ
เมื่อความเป็นจริงวันวานเมื่อวานนั้นผ่านไป
แต่เรายังหวัง ให้รักที่เหลือเจือจางเป็นดั่งเดิมทุกอย่าง

เราใฝ่ไปเกินฝัน จนเป็นความไม่เข้าใจ
เวลาจะแปรอะไรจากที่เป็น ไม่เว้นแม้รัก
ที่ผูกพันและเสียดาย
จนวันหนึ่งมันเปลี่ยนเราไปคล้ายใคร ไม่รู้จัก

บางทีเราเป็นเพียงคนโง่ บางทีเราเป็นเพียงคนเหงา
บางทีเราอาจเพียงต้องการแค่เรา ที่หายไป
บางทีเราเป็นเพียงคนหนึ่งธรรมดา ที่ไม่เข้าใจ
ในความหมายรักลึกซึ้ง และแสนยิ่งใหญ่
กว่าใครครอบครอง

เราเคยคิดว่า เราสองเราก็ต่าง เข้าใจในรัก
และพยายามทำเหมือนว่าเรารู้จัก ความไว้ใจ
ก็เคยสัญญาว่าไม่ครอบครอง เราแค่ประคองกันไว้
แต่ความรักนั้นทำให้ทุกอย่างมันไม่ง่าย

แล้วมันจะผ่านพ้นไปหรือเปล่า แล้วเราจะลืมได้เมื่อไร
แล้วใจที่พังยับเยินใครจะเอาไว้....

รัก คือที่มาของความสุข แต่รักก็เอามันคืนไป
ไม่รู้ ใครบอกฉันซักทีว่า ความรัก....มันคืออะไร มันคืออะไร ใครบอกฉัน....




ปล.ช่วงนี้ก็เป็นไมเกรนอีกแล้ว ข้าพเจ้าจะเลิกคิดมาก พักผ่อนให้เพียงพอ และไม่ทานช็อคโกแลตแล้ว แต่ขอไม่กินยานะ เหอๆ