งานนี้ก็เช่นทุกปีที่ผ่านมา แต่อาจจะพิเศษกว่าปีอื่นๆ ตรงที่ได้ทำอะไรมากมาย และแปลกๆ มากกว่าปีที่ผ่านๆ มา ได้ทำอะไรยากและท้าทายขึ้น จริงๆ อาจเพราะปีนี้อาจเป็นปีสุดท้ายแล้วที่มีโอกาสมาร่วมจัดงานในฐานะนิสิตจุฬาฯ ไม่รู้ว่าปีหน้าจะได้ไปทำงานที่ไหน และจะได้มีโอกาสกลับมาทำไหม ปีนี้ก็เลยบ้าพลังแบบสุดๆ ไปเลย
แต่ประเด็นหลักที่มาเขียนบันทึกคราวนี้ มีสิ่งหนึ่ง(เรียกว่าบุคคลหนึ่งดีกว่า)มาจี๊ดสมองข้าพเจ้าเล่นๆ ทำให้ความทรงจำเกี่ยวกับบางคนมันเพิ่มพูนกลับมาหาข้าพเจ้ามากขึ้นเรื่อยๆ คืออย่างนี้ครับ ได้ไปเจอน้องคนหนึ่งที่มางานติวครั้งนี้ แล้วบังเอิญลักษณะและบุคคลของน้องคนนี้ก็ไปคล้ายคลึงกับคนในความทรงจำคนหนึ่งของข้าพเจ้าเข้าให้
แต่ยิ่งไปกว่านั้น ชื่อน้องคนนี้ดันไปสอดคล้อง พูดง่ายๆ ก็คือ เป็นคำต่อกับชื่อคนในความทรงจำของข้าพเจ้าด้วย ดูสิว่ามันจะบังเอิญขนาดไหน พอได้ลองไปพูดคุยด้วย ลักษณะของน้องคนนี้ก็ยิ่งคล้ายกับคนในความทรงจำของข้าพเจ้าอย่างยิ่ง แต่พอจบงานก็ไม่ได้แลกเมล์หรือเบอร์โทรอะไรกับน้องเค้าหรอก แต่ก็ต้องขอบคุณน้องคนนั้นที่ทำให้ข้าพเจ้ามีความสุขกับความทรงจำสีจางๆ
ปิดท้ายบันทึกครั้งนี้เลยเรื่องเพลงนี้มาปิดท้ายเลย ให้เข้ากับเนื้อหาเสียหน่อย เป็นอีกหนึ่งเพลงที่หลายๆ คนน่าจะชอบนะ เพราะเป็นเพลงประกอบภาพยนตร์ที่หลายๆ คนรวมทั้ง"คนในความทรงจำ"ของข้าพเจ้าชอบด้วย
เพลง: ความทรงจำสีจาง
ปาล์มมี่
ใครคนหนึ่ง คนนั้น ในวันหนึ่ง วันนั้น
เคยผูกผันกัน ซะมากมาย
เพราะวันที่ห่างเหิน มันก็เริ่มห่างหาย
เพียงแค่เพราะเราไม่เจอะกัน
ไม่เรียกร้องให้กลับมา หรือว่าผลักใส หรืออะไรทั้งนั้น
เก็บเอาไว้ในส่วนลึก ซ่อนอยู่อย่างนั้น รู้ว่ามันไม่ไปไหน
แม้กระทั่งตอนนี้ เขายังอยู่ตรงนั้น ในภาพทรงจำสีจางจาง
เหมือนว่าจะเลือนหาย คล้ายว่าจะเลือนลาง
บางอย่างก็ยังไม่เปลี่ยนไป
ไม่เรียกร้องให้กลับมา หรือว่าผลักใส หรืออะไรทั้งนั้น
เก็บเอาไว้ในส่วนลึก ซ่อนอยู่อย่างนั้น รู้ว่ามันไม่ไปไหน
แม้กระทั่งตอนนี้ เขายังอยู่ตรงนั้น ในภาพทรงจำสีจางจาง
... ในความทรงจำสีจาง
ปล. ว่าแล้วก็อยากดูภาพยนตร์เรื่อง"แฟนฉัน"นะ ไม่ได้ดูตั้งนานแล้ว