28 ตุลาคม 2551

๒ วันหลังเปิดเทอม

เปิดเทอมผ่านมาได้ ๒ วันแล้วครับ พึ่งได้เรียนจริงๆ แค่วันเดียวเอง อีกวันไปนั่งๆ นอนๆ กลิ้งๆ บนสภานิสิตครับ เทอมนี้เรียนน้อยมาก แต่มีงานโปรเจ็คเพียบเลย ส่วนวันที่เรียนก็เรียนตั้งแต่เช้าจรดเย็น ชีวิตเด็กปี ๔ ดูตารางเรียนแปลกๆ แต่ก็ดีแล้วครับ เผื่อต้องไปต่างจังหวัดหรือไปค่ายไปรับจ๊อบอะไร จะได้ไม่ต้องห่วงการเรียนมากมาย

วันนี้ไปเรียนวิชาผู้ประกอบธุรกิจด้านคอมพิวเตอร์(ชื่อประมาณนี้ล่ะ แต่ไม่แน่ใจว่าถูกไหม) ที่คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชีมา สนุกดีครับอาจารย์คนที่สอนฮาได้ใจมากๆ รู้สึกเป็นการเรียนกับอาจารย์ที่สูงวัยหน่อยที่มาไปด้วยประสบการณ์และกลเม็ดในการทำให้นิสิตสนใจในการสอนของท่าน ไม่เหมือนอาจารย์อีกหลายๆ ท่านในจุฬาฯ ที่น่าจะพัฒนาและปรับปรุงการสอนของตัวเองได้แล้ว

ส่วนงานจุฬาฯ วิชาการก็ดูเรื่อยๆ เฉื่อยๆ ต่อไป ก็จะปล่อยงานนี้เป็นไปตามยถากรรมแล้วกัน เพราะตอนนี้มาทุ่มเวลาเอาใจใส่กับฝ่ายติดตามและประเมินผล สภานิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่ตอนนี้เป็นรูปเป็นร่างที่ค่อนข้างชัดเจนขึ้นมามาก ได้น้องมาช่วยฝ่ายเกือบคนล่ะ ขาดไม่กี่คนแต่คิดว่าก็น่าจะพาฝ่ายนี้รอดต่อไปให้ได้ แม้จะแก่แล้วและต้องมาร่วมทีมกับน้องๆ ปี ๑ ที่แสนจะสนใส เพื่อเผชิญกับกิจกรรมต่างๆ นานา

ปิดท้ายช่วงเพลินเพลงกับหยกม่อนใน blogspot วันนี้ด้วยอีกหนึ่งเพลงที่ชอบพอสมควรของคริสติน จริงๆ แล้วเพลงนี้ถูกแต่งขึ้นเป็นภาษาอังกฤษ แต่ด้วยสปิริตของเธอที่อยากจะร้องเพลงไทย เพลงนี้เลยถูกแก้เนื้อใหม่เป็นภาษาไทย และเธอก็ร้องได้ไพเราะจนเป็นอีกหนึ่งเพลงที่ถูกนำกลับมาทำใหม่เรื่อยๆ เพราะทุกคนยังตราตรึงในความทรงจำนั่นเอง


เพลง: ดาว
คริสติน

หากคืนนี้ มีดาวอยู่ล้านดวง
ฉันขอได้ไหมสักดวงหนึ่ง ช่วยฟังฉันที
เพราะว่าคืนนี้ ฉันมีเรื่องร้อนใจ
อยากอธิษฐานและขอดวงดาวให้ ช่วยฉันสักที

เนื่องจากตอนนี้ ฉันรู้สึกจิตใจมันอ่อนไหว
อยากจะรู้ว่าเขาเป็นยังไง จากคำพูดวันนี้
เพราะฉันเพิ่งบอก....รักไป
และเขาก็รับฟังทุกอย่าง ทุกถ้อยคำ

เหมือนความฝัน แต่ฉันเองก็ไม่อาจแน่ใจ
พรุ่งนี้เรื่องของเราจะสุข หรือแสนเศร้า
จึงวอนขอดาวให้ช่วยบอก...( ที )

หากว่าตัวเขา มีใจให้ฉันจริง
ฉันขอได้ไหมให้ทุกสิ่ง เป็นจริงเรื่อยไป
ให้ต่อจากวันนี้ เขามีแต่ฉันในหัวใจ
อยากอธิษฐานและขอดวงดาวให้ ช่วยฉันสักที

เนื่องจากตอนนี้ ฉันรู้สึกจิตใจมันอ่อนไหว
อยากจะรู้ว่าเขาเป็นยังไง จากคำพูดวันนี้
เพราะฉันเพิ่งบอก....รักไป
และเขาก็รับฟังทุกอย่าง ทุกถ้อยคำ

เหมือนความฝัน แต่ฉันเองก็ไม่อาจแน่ใจ
พรุ่งนี้เรื่องของเราจะสุข หรือแสนเศร้า
จึงวอนขอดาวให้ช่วยบอก...( ที )

ช่วยบอกให้ฉันรู้...ให้มั่นใจ
การรอคอย มันยากเกินทนไหว
ได้โปรดช่วยบอกฉัน และตอบหน่อยได้ไหม
ว่าพรุ่งนี้เขากับฉัน นั้นจะเป็นยังไง

เพราะฉันเพิ่งบอก....รักไป
และเขาก็รับฟังทุกอย่าง ทุกถ้อยคำ
เหมือนความฝัน แต่ฉันเองก็ไม่อาจแน่ใจ
พรุ่งนี้เรื่องของเราจะสุข หรือแสนเศร้า
จึงวอนขอดาวให้ช่วยบอก...( ที )




ปล.ถ้าเรารู้ว่าคนที่เราชอบคิดอย่างไร ก็คงไม่ต้องถามดาวหรอกนะ

26 ตุลาคม 2551

พรุ่งนี้เปิดเทอมๆ

ไม่น่าเชื่อว่าพรุ่งนี้(น่าจะ)เป็นการเปิดเทอมครั้งสุดท้ายในชีวิตแล้วครับ ตั้งแต่เปิดเทอมแรกตอนอยู่อนุบาล ๑ ที่โรงเรียนบ้านรัตนบุรี อุทิศวิทยา จนมาเปิดเทอมสุดท้ายที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย การเดินทางที่สุดแสนจะยาวนานเกือบ ๑๘ ปีของข้าพเจ้ากำลังจะสิ้นสุดลง พร้อมกับการจบชีวิตในช่วงแรก ก้าวเข้าสู่ชีวิตในช่วงชั้นต่อไปนั่นก็คือวัยทำงานครับ

เทอมสุดท้ายในชีวิตของการศึกษายังไม่ได้ทำอะไรต้องรีบๆ ทำเสียแล้ว ยังมีค่ายอีกหลายค่ายที่ไม่ได้ไปทำ ยังมีจังหวัดอีกเยอะที่ยังไม่ได้ไปเยือน ยังมีกิจกรรมอีกหลากหลายที่ยังไม่ได้ลอง ระยะเวลาอีกประมาณ ๔ เดือนที่เหลืออยู่ต้องรีบเก็บเกี่ยวผลผลิตทางการศึกษาและกิจกรรมทุกอย่าง ไม่ให้เพียงแค่จบไปมีแค่เพียงความรู้ แต่ไม่สามารถทำงานจริงอะไรได้เลยสักอย่าง

ล่าสุดมีโอกาสได้อ่านหนังสือเรื่อง A Peacock in the land of Penguins หรือชื่อภาษาไทยว่า นกอยู่ตัวหนึ่งในดินแดนของนกเพนกวิน ที่น้องคิมประธานสภานิสิตแนะนำและให้ยืมมาอ่าน รู้สึกชอบมากๆ ถ้าข้าพเจ้าได้ไปทำงานจริงจะเป็นอย่างไร ต้องไปเป็นนกเพนกวินไหม(ที่จริงก็เหมือนเพนกวินอยู่แล้วนะ เอิ๊กๆ) แต่ก็คงได้รู้ในไม่อีกกี่เดือนข้างหน้านี้แล้ว

สุดท้ายก่อนจบต้องหาแฟนดีๆ ให้ได้สักคนแล้ว รับรองว่าข้าพเจ้าจะดูแลคนๆ นี้ให้ดีที่สุด ไม่งอแงทำแต่งานจนไม่มีเวลาให้ จะใส่ใจทุกรายละเอียดให้เต็มที่ ว่าแต่ว่าจะไปหาเค้าคนนั้นได้ที่ไหนกันหนอ จุฬาฯ ก็กว้างใหญ่แต่ยังไม่เคยมีแฟนเป็นเด็กจุฬาฯ กับเค้าบ้างเลย มาเอาใจช่วยข้าพเจ้าด้วยนะขอรับว่าจะทำภารกิจครั้งนี้สำเร็จลุล่วงลงไปได้หรือไม่ ?


เพลง : ดวงตะวัน Sunshine
August band

ดวงตะวันยามเช้าส่อง ชีวิตผู้คนกำลังเคลื่อนไหว
ช่างดูสับสนเวียนวนวุ่นวาย และพาอะไรมากมายมาให้เรา

เดินบนทางอ้างว้างเปล่าเปลี่ยว ชีวิตคนเดียวบางทีก็เหงา
ในวันที่ต้องทนผจญเรื่องเศร้า มองหาสักคนก็ไม่มี

กับคนที่คอยดูแลใส่ใจ ต้องเฝ้ารออีกแค่ไหนดี คนที่มีที่ให้เราพักพิง

จะไปที่ไหนและที่ไหน จะไปหาเค้าที่ไหน ต้องทำเช่นไรจะได้พบเค้า
คนที่คอยจะยืนอยู่เคียงข้างเรา ในวันที่ต้องเหงาขึ้นทุกวัน
ต้องไปที่ไหนและที่ไหน อยากรู้ว่าที่ไหน ถึงจะได้พบคนๆ นั้น
ก็ได้แต่ปล่อยเวลาผ่านเลยทุกวัน ฉันต้องรอต่อไป (ฉันต้องรอต่อไป)

ดวงตะวันลับฟ้าลง ชีวิตฉันคงยังไม่หยุดเคลื่อนไหว
ต้องคอยคืนวันผ่านนานอีกเท่าไหร่ จะได้พบใครที่ฉันรอ

คนที่คอยดูแลใส่ใจ ต้องเฝ้ารออีกแค่ไหนดี คนที่มีที่ให้เราพักพิง

จะไปที่ไหนและที่ไหน จะไปหาเค้าที่ไหน ต้องทำเช่นไรจะได้พบเค้า
คนที่คอยจะยืนอยู่เคียงข้างเรา ในวันที่ความเหงาก่อตัว เพิ่มขึ้นทุกวัน

จะไปที่ไหนและที่ไหน อยากรู้ว่าที่ไหน (จะไปหาเค้าที่ไหน)
ถึงจะได้พบคน ๆ นั้น ก็ได้แต่ปล่อยเวลาผ่านเลยทุกวัน
ฉันต้องรอต่อไป เพื่อพบใครซักคน




ปล. ไม่อยากพลาดทุกครั้งที่ข้าพเจ้าเขียนบันทึกใหม่ สามารถกดตามติด blog ของข้าพเจ้าได้ บริเวรทางขวามือ

25 ตุลาคม 2551

วันธรรมดา

ช่วงนี้ข้าพเจ้าดูเหมือนบ้าพลังพอสมควรที่มาขยันเขียนบันทึกอยู่ได้ทุกวัน ทั้งๆ ที่ไม่ค่อยมีคนมาอ่านกันสักเท่าไร แต่ก็จะพยายามเขียนต่อไปให้บ่อยมากที่สุด เผื่อว่าสักวันหนึ่งจะได้รวมเล่มขายเหมือนของดารากันบ้าง เอิ๊กๆ ฝันเพ้อไปไกลเลยทีเดียวเชียว เอาแค่ให้มีคนอ่านอย่างน้อยครั้งละ ๑๐ คนก็เป็นพระคุณเหลือล้นแล้วที่มีคนให้ความสนใจข้าพเจ้า

วันนี้นัดเจอแฟนเก่ามาครับ ไปทานข้าวกันเฉยๆ วันเกิดเค้า ถึงจะเลิกกันไปแต่ความห่วงใยดีๆ ยังมีให้กันเสมอ ไม่อยากให้เลิกกันแล้วมองหน้ากันไม่ติด แถมเลี้ยงข้าวแฟนเก่าและแฟนใหม่ของแฟนเก่าด้วย หุหุ ก็ยินดีกับน้องเค้าด้วยแล้วกันที่ได้เจอคนดีๆ กว่าข้าพเจ้า ขอให้รักกันไปยาวนานนะครับ ส่วนข้าพเจ้าคงจะอีกนานเลยกระมั้งถึงจะมีโอกาสมีแฟนกับเค้าได้ เพราะบ้างานเกินไป

มานั่งคิดๆ ดูตอนนี้ แฟนเก่า ๒ คน กับ คนที่เราเคยจีบแต่เค้าไม่สนใจอีก ๒ คน (รวมเป็น ๔ คน) ต่างก็มีแฟนใหม่เป็นของตัวเองเรียบร้อยแล้วนะ แล้วทำไมข้าพเจ้าถึงยังไม่มี นั่นสิ? มั่วแต่บ้างานมากๆ เดี๋ยวก็คงได้แต่งกับงานแน่ๆ ก็มีคนที่มองๆ เล็งๆ ไว้เหมือนกันนะครับ แต่ค่อนข้างแน่ใจแล้วว่าเค้าคงไม่ได้ชอบกระผม ดูเค้าก็เริ่มตีตัวออกห่างเหมือนกัน เอิ๊กๆ

ตอนเดินกลับมาที่หอเห็นคนเดินกันเป็นคู่ๆ รู้สึกอิจฉานิดๆ ดีแล้วที่ไม่ไปดูหนังต่อ เพราะไปดูหนังคนเดียวแล้วจะเกิดอาการเซ็งอีก เดี๋ยวนี้หาเช่าแผ่นมาดูในคอมพ์ดีกว่า จะได้ไม่ต้องไปนั่งง่าวในโรงภาพยนตร์ นอนใต้ผ้าห่มบนที่นอนอบอุ่นสุดๆ แถมดูไม่ทันตอนไหนก็ย้อนไปดูได้ อยากทำธุระก็หยุดได้ ไม่ต้องไปตากแอร์หนาวๆ ในโณงหนังคนเดียว หุหุ


เพลง: อยากเป็นคนเดิม
แอน ธิติมา ประทุมทิพย์

เคยเป็นคนๆหนึ่ง ที่เคยใช้ชีวิตง่ายดาย
มั่นใจในตัวเอง เที่ยวเองคนเดียวบ่อยไป

เธอเป็นคนมาเปลี่ยน ที่มารักแล้วมาทิ้งไป
แล้วทำให้คนมั่นใจ กลายเป็นหวาดกลัว

หมดไปแล้ว ความเข้มแข็งอย่างนั้น
มีเพียงความเคว้งคว้างว่างเปล่า เท่านั้น

อยากเป็นคนเดิม ก่อนเธอเข้ามาเปลี่ยนแปลง
อยากเป็นคนเดิมแต่ดูเหมือนมันจะยากเกินจะทำ
ฉันคนเก่าที่เคยแข็งแรง เหมือนได้ตายจากไปแสนนาน
ก็เลยไม่รู้จะพ้นจะผ่านวันนี้ไปได้อย่างไร

กลายเป็นคนๆหนึ่ง ที่อ่อนไหวง่ายดายเหลือเกิน
เมื่อเดินคนเดียวก็เหงาเสียจนจับใจ

เธอเป็นคนมาเปลี่ยน ที่มารักแล้วมาทิ้งไป
แล้วทำให้คนมั่นใจ กลายเป็นหวาดกลัว

หมดไปแล้ว ความเข้มแข็งอย่างนั้น
มีเพียงความเคว้งคว้างว่างเปล่า เท่านั้น

อยากเป็นคนเดิม ก่อนเธอเข้ามาเปลี่ยนแปลง
อยากเป็นคนเดิมแต่ดูเหมือนมันจะยากเกินจะทำ
ฉันคนเก่าที่เคยแข็งแรง เหมือนได้ตายจากไปแสนนาน
ก็เลยไม่รู้จะพ้นจะผ่านวันนี้ไปได้อย่างไร

อยากเป็นคนเดิม ก่อนเธอเข้ามาเปลี่ยนแปลง
อยากเป็นคนเดิมแต่ดูเหมือนมันจะยากเกินจะทำ
ฉันคนเก่าที่เคยแข็งแรง เหมือนได้ตายจากไปแสนนาน
ก็เลยไม่รู้จะพ้นจะผ่านวันนี้ไปได้อย่างไร




ปล. ใครที่มาแสดงความคิดเห็นไว้ รบกวนลงชื่อด้วยนะครับ จะได้ตามไปขอบคุณได้ถูกครับ

24 ตุลาคม 2551

ไม่รู้ใจตัวเอง

เคยได้รับชมภาพยนตร์เรื่อง Seasons Change เพราะอากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ค่อนข้างชอบเลย เพราะอะไรนั่นเหรอครับ เพราะชีวิตของพระเอกในเรื่อง(ป้อม)มีส่วนคล้ายกับชีวิตจริงของข้าพเจ้ามากๆ แต่ต่างกันตรงที่นั่นคือภาพยนตร์ มันเลยจบลงอย่างสวยงาม ทุกปัญหาผ่านพ้นไปได้ดี แต่ชีวิตจริงของข้าพเจ้านั่นเหรอครับ ไม่ได้จบลงด้วยดีหรอก

นอกจากนั่นก็ยังชอบเพลงประกอบภาพยนตร์ เป็นบทเพลงที่คนแต่งสามารถแต่งเนื้อหาได้ออกมาดีมาก(แม้คนร้องบางเพลงจะยังแย่ไปหน่อยนะ) และอีกหนึ่งเพลงที่ค่อนข้างตรงกับใจของข้าพเจ้าก็คือเพลง"ไม่รู้ใจตัวเอง" เป็นเพลงที่เกี่ยวกับชายหนุ่มคนหนึ่งที่ทำอะไรก็ตามคนอื่นบอก โดยไม่ได้รู้เลยว่าที่แท้จริงแล้วจิตใจของตัวเองนั้นต้องการอะไรกันแน่

แต่ชีวิตจริงของข้าพเจ้าไม่รู้ว่าโชคดีหรือโชคร้ายนะ ที่เกิดมารู้ใจตัวเองแต่ไม่สามารถทำตามในสิ่งที่หัวใจเรียกร้องได้ ต้องทำตามที่ครอบครัว สถาบัน หรือสังคมเป็นผู้กำหนด บางทียังเคยหัวเราะทั้งน้ำตากับความโชคดีผสมร้ายของตัวเองอยู่เนื่องๆ ข้าพเจ้าก็ต้องทำตามที่คนอื่นๆ บอกกล่าวหรือต้องการอยู่ดี มีความคิดเห็นอะไรเป็นของตัวเองไม่ได้หรอก

อยากทำอะไรตามใจสั่งจังเลย อยากไปไหนที่ไม่มีคนรู้จัก ได้ทำอะไรในสิ่งที่ต้องการ ได้เรียนในสิ่งชอบ ได้ทำงานในสิ่งใช่ ได้มีคนรักที่ตัวเองต้องการ หรืออะไรก็ตามแต่ที่ไม่ใช่ตามใจคนอื่น คงมีแค่เพียงบนโลกอินเทอร์เน็ตเล็กๆ แห่งนี้กระมัง ที่จะทำให้ข้าพเจ้าทำในสิ่งที่มีความปรารถนาหรือต้องการได้ แม้โลกแห่งความจริงจะไม่มีโอกาสก็ตามแต่


เพลง : ไม่รู้ใจตัวเอง
บอล วิทวัส สิงห์ลำพอง

ทำตามคนโน้น ตามใจคนนี้...เรื่อยมา
I always have in order with every one.
ใจไปทางโน้น ใจไปทางนี้...ทุกเวลา
Alweys in order go this way or that way

*เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ เหมือนฤดูกาล
Alway change like a season.
ไม่เคยแน่นอนซักครั้ง
never sure, not just one.
หลอกตัวเองไปอย่างนั้น มองเลยความฝัน...ในใจ
just deceive myself and looking over the dream in deeply down inside

**ชอบอะไรก็ไม่รู้ ไม่รู้ใจตัวเอง
never know my self, never know what i like
เลือกอะไรก็ไม่รู้ หลงทางไปจนไกล
never know how to choose, Lost the way to go till far a ways.
เพิ่งเข้าใจ เพิ่งจะรู้ ว่ามีเธออยู่ข้างกาย
just understand that you are on my side
ขอเดินไปสู่จุดหมายกับเธอ
intend to go to the destination with you

แปรแปรวนตามฝน รวนเรตามฟ้า..เรื่อยมา
ecentric like a rains , alway change like a skys
มีดีตรงนี้ ยังมองตรงโน้น...เสียเวลา
The good think is here but still looking some where... waste the time

(ซ้ำ */**)

(ซ้ำ **)




ปล.ในที่สุดก็กลับมาเป็นบล็อคร้างไม่มีคนมาอ่านเช่นเคย บอกแล้วว่าไม่มีใครสนใจวชิรัตน์หรอก เวลาเขียนอย่าคาดหวังว่าจะมีคนอ่าน

23 ตุลาคม 2551

๒๓ ต.ค. วันปิยมหาราชานุสรณ์

วันนี้มีโอกาสดีที่ได้ไปร่วมถวายบังคมที่พระบรมรูปทรงม้าเนื่องในโอกาส ๒๓ ต.ค. วันปิยมหาราชานุสรณ์ แถมปีนี้ต้องไปในฐานะสภานิสิตสวมชุดราชปะแตนที่แสนจะร้อน และมีคนที่อยากใส่ชุดนี้มากถึงขนาดไปหาชุดมาเอง - -" ใส่แล้วรู้ให้ความรู้สึกอยากกลับไปใส่ชุดพิธีการขาวเหมือนปีที่ผ่านๆ มา และยังทำให้คิดหนักไปถึงวันรับปริญญาเลยว่าร้อนเยี่ยงนี้เลยเหรอ

โดยส่วนตัวข้าพเจ้าคิดว่าวันนี้มีความสำคัญกับข้าพเจ้าอย่างยิ่งนะ เพราะมัธยมก็ศึกษาที่โรงเรียนปิยะมหาราชาลัย จ.นครพนม (ชื่อโรงเรียนก็บอกได้เลยว่าเกี่ยวอย่างไร) อุดมศึกษาก็ที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เพราะฉะนั้นหากไม่ติดภารกิจอันใด ๒๓ ต.ค. จะพยายามไปร่วมงานให้ได้ แถมวันนี้เป็นคืนสู่เหย้าที่โรงเรียนอีก ไม่เคยได้ไปร่วมงานคืนสู่เหย้าเลยสักปี ปีนี้ว่าจะไปก็อดไป

งานวันนี้ก็ร้อนและเหนื่อยพอสมควร แถมไม่ได้นอนก่อนไปร่วมงานเพราะต้องแก้ไขปัญหาบางอย่างเร่งด่วน ในงานก็จัดไปได้เรื่อยๆ ดี ไม่มีอะไรน่าประทับใจเท่าไร สงสารแต่เด็กปี ๑ ที่ต้องไปตากแดด ทำให้คิดถึงตอนที่ตัวเองได้ไปต่างแดดแบบนั้น แต่ปีนี้ได้มาอยู่ในร่มแทน นอกจากนั้นงานก็มีปัญหาอีกหลายๆ จุดที่ผู้จัดงานน่าจะแก้ไขให้ดียิ่งๆ ขึ้นไปได้ในปีหน้าๆ

มาถึงช่วงไร้สาระบ้างดีกว่า วันนี้ได้เจอหน้าน้องคนที่แอบชอบด้วยครับ มาร่วมงานแต่งชุดน่ารักดี หุหุ วันนี้ว่าจะไปสารภาพบอกน้องเค้าแล้วนะว่าชอบน้องเค้า แต่ดูน้องเค้าเหนื่อยๆ เซ็งๆ อยู่ พยายามเข้าไปพูดคุยด้วยก็แล้วนะ ชวนไปเดินงานหนังสือด้วยกันก็ไม่อยากไป ชวนไปทานข้าวด้วยก็ไม่อยากทาน แต่ก็อย่างที่บอกล่ะว่าน้องเค้าคงไม่สนใจข้าพเจ้าหรอก เค้ามีหนุ่มๆ มาให้เลือกมากมาย แล้วทำไมข้าเจ้าต้องไปปลื้มเด็กคนนี้ด้วยนะ ไม่เข้าใจตัวเองจริงๆ ชอบเค้าแล้วก็ไม่กล้าบอกเค้าว่าชอบ เหอๆ


เพลง : ไม่กล้าบอกเธอ
โจ-ก้อง

คิดตรึกตรองอยู่นาน อยากกระซิบเธอด้วยคำพูดหนึ่ง ที่มันซ่านมันซึ้งอยู่ในหัวใจ
ได้แต่รอแต่รอ แล้วอีกเมื่อไร โปรดเถอะใจ โปรดจงได้เอ่ยคำ

จะบอกว่ารัก เธอจะซึ้งหรือเปล่า อยากเอ่ยเรื่องราว ที่มันยังคั่งค้างใจ
ถ้าบอกกับเธอ เธอจะรักหรือไม่ ได้แต่ถอนใจ เก็บเอาไว้ไม่กล้าบอกเธอ

เพียงแค่คำๆ นี้ยากเย็นเหลือเกินให้เธอได้รู้ เมื่อลองคิดดู ก็อยู่เพียงแค่ใจ
ได้แต่รอแต่รอ แล้วอีกเมื่อไร โปรดเถอะใจ โปรดจงได้เอ่ยคำ

จะบอกว่ารัก เธอจะซึ้งหรือเปล่า อยากเอ่ยเรื่องราว ที่มันยังคั่งค้างใจ
ถ้าบอกกับเธอ เธอจะรักหรือไม่ ได้แต่ถอนใจ เก็บเอาไว้ไม่กล้าบอกเธอ

แสนจะทนทรมาน วอนให้ฝันช่วยบันดาลภายในใจ
ให้ตัวฉันมีกำลังจะพูดไป เอ่ยความในจากใจนี้
รักเพียงเธอมายาวนาน พอจะบอกมันสั่นสะท้านทุกที โอ้คนดีใจดวงนี้มีแต่เธอ

จะบอกว่ารัก เธอจะซึ้งหรือเปล่า อยากเอ่ยเรื่องราว ที่มันยังคั่งค้างใจ
ถ้าบอกกับเธอ เธอจะรักหรือไม่ ได้แต่ถอนใจ เก็บเอาไว้ไม่กล้าบอกเธอ

จะบอกว่ารัก เธอจะซึ้งหรือเปล่า อยากเอ่ยเรื่องราว ที่มันยังคั่งค้างใจ
ถ้าบอกกับเธอ เธอจะรักหรือไม่ ได้แต่ถอนใจ เก็บเอาไว้ไม่กล้าบอกเธอ

ได้แต่ถามใจ ว่าเมื่อไร จะกล้าบอกเธอ.....




ปล. จริงๆ ว่าจะเอาเพลง"บอกรักในใจ"ของโจ้ ธนรัฐ แต่ยังหา MV ไม่เจอ ไว้เจอจะเอามาเอา แต่มันก็เป็นเพลงไทยสากลคนฟังดนตรีคลาสสิคคงฟังไม่เข้าหูแน่ๆ

22 ตุลาคม 2551

เรื่องเล่าความรัก

ห้องสภานิสิตยามเย็นแบบนี้ช่างเหมาะสมกับการเขียนบันทึกประจำวันเสียจริงๆ เมื่อวานก็มานั่งใช้อินเทอร์เน็ตที่นี่เขียน วันนี้ก็ขออนุญาตใช้ที่นี่อีกสักหนแล้วกันนะ ไหนๆ ก็ไม่ค่อยมีคนขึ้นมาอยู่หรือใช้งานห้องสภานิสิตสักเท่าไร มีข้าพเจ้าเป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่บ้าวนเวียนขึ้นมาห้องแทบทุกวันทำไมก็ไม่รู้ ห้องก็ร้อนแถมยังรกอีกต่างหาก เอิ๊กๆ (ชาวสภาฯ มาเห็นคงด่าตายเลย)

วันนี้เกิดอารมณ์เปลี่ยว หุหุ มาเขียนถึงความรักของตัวเองดีกว่า มีแฟนเป็นจริงเป็นจังเป็นเรื่องเป็นราวแค่ ๒ คนแล้วนะ คนอื่นๆ อาจจะแค่ชอบๆ จีบๆ ทั้งสำเร็จและไม่สำเร็จ เหตุผลส่วนใหญ่ที่ไม่สำเร็จก็มีมากมายเลย ส่วนใหญ่ก็เป็นฝ่ายตรงข้ามไม่สนใจให้เป็นเพื่อนหรือพี่หรือน้องกันไปดีกว่า และอีกหลายๆ ครั้งเพราะกลัวเค้าไม่สนใจเลยยอมแอบชอบข้างเดียวต่อไป

เห็นข้าพเจ้าเป็นคนแบบนี้แต่จริงๆ เป็นคนที่ sensititive และขี้อายนะ เป็นพวก"ไม่พูดก็กลัวเสียใจ แต่บอกไปก็กลัวเสียเธอ" จะให้ไปบอกเค้าได้ไงว่าชอบตรงๆ แต่ถ้าบอกไปแล้วก็จะพยายามตื้อสุดๆ (แม้ว่าจะรู้ผลลัพธ์ก็ตาม) แต่ถ้าหากเห็นว่าคนที่เราชอบมีคนมาชอบก็มักจะค่อยๆ ตีตัวออกห่างปล่อยให้คู่ที่เค้าเหมาะสมมากกว่าดีกว่า (พระเอกโคตรๆ)

ชีวิตของข้าพเจ้าก็เป็นแบบนี้ล่ะครับ รอคนมาจีบข้าพเจ้าเองก็ไม่ได้ผล เพราะไม่ได้อยู่ในฐานะที่จะมีคนมาสนใจอะไร(คราวที่แล้วถึงเลือกเพลงคนที่ไม่เข้าตา) จะไปจีบเค้าก็แห้วมาส่วนใหญ่ แถมเป็นคนที่คิดมากด้วยชอบคิดไปเองว่าอีกฝ่ายจะชอบหรือไม่ชอบข้าพเจ้าแล้ว ทั้งที่ความจริงอีกฝ่ายจะยังไม่ได้รู้สึกอะไรด้วยเลยก็ได้ เอิ๊กๆ

คราวนี้ขอเลือกเพลงนี้มาปิดท้ายบันทึกประจำวันของข้าพเจ้าดีกว่า ชอบเนื้อหาของเพลงตรงกับบุคคลิกของข้าพเจ้าดีโดยเฉพาะท่อนฮุคเนี่ย ฟังแล้วบอกได้เลยว่าใช่เลย เพลงอาจจะเก่าหน่อยนะ ถือว่าไปย้อนยุคสมัยที่พี่เจมส์ยังอยู่ที่ RS Promotion และจอยรินลนียังสาวๆ เข้าวงการใหม่ๆ อยู่เลยนะ แถมตอนนี้โสดแบบนี้ มีใครจะยอมมาเป็นแฟนข้าพเจ้าบ้างไหมครับหุหุ


เพลง : ยอม
เจมส์ เรืองศักดิ์ ลอยชูศักดิ์

จากใจดวงเดียวที่มีให้เธอ ฉันรู้ว่ามันคงต้องผิดหวัง
ที่ว่างที่เธอมีอยู่ในหัวใจ มีใครคนหนึ่งอยู่ไม่ใช่ฉัน

ยืนยันจะรักเธอทั้งหัวใจ ถึงแม้ต้องโชคร้าย ต้องเสียใจ
ฮืม...ซักเท่าไร

อยากให้เธอรักฉันบ้างสักนิด ก็ต้องยอม แม้แลกด้วยทุกอย่างที่ฉันมี
จบอย่างไรฉันรู้ดี แค่วันนี้เธอรักฉัน พรุ่งนี้จะเป็นอย่างไรฉันก็ยอม

อยากให้รู้ไว้ ว่ามีแต่เธอในใจ ช่วยรับฉันไว้ในใจเธอนะ

อยากมีเพียงเธอไม่อยากรักใคร แค่ขอความเห็นใจ จากเธอนั้น
บางเสี้ยวบางเวลา ที่เราพบกัน ลืมเขาสักนาที จะได้ไหม

ยืนยันจะรักเธอ ทั้งหัวใจ ถึงแม้ต้องโชคร้าย ต้องเสียใจ
ฮืม...ซักเท่าไร

อยากให้เธอรักฉันบ้างสักนิด ก็ต้องยอม แม้แลกด้วยทุกอย่างที่ฉันมี
จบอย่างไรฉันรู้ดี แค่วันนี้เธอรักฉัน พรุ่งนี้จะเป็นอย่างไรฉันก็ยอม

หลงเหลือไว้เพียง แค่เคยรักกัน มันก็ยังดี กว่าไม่เคยรัก

อยากให้เธอรักฉันบ้างสักนิด ก็ต้องยอม แม้แลกด้วยทุกอย่างที่ฉันมี
จบอย่างไรฉันรู้ดี แค่วันนี้เธอรักฉัน พรุ่งนี้จะเป็นอย่างไรฉันก็ยอม

จบอย่างไร ฉันรู้ดี แค่วันนี้ เธอรักฉัน พรุ่งนี้จะเป็นอย่างไรฉันก็ยอม




ปล.บันทึกของข้าพเจ้าไม่ค่อยมีคนมาอ่านเลย คนแสดงความคิดเห็นยิ่งไม่มี น่าเศร้ายิ่งนัก

21 ตุลาคม 2551

เหนื่อย เบื่อ เซ็ง เหงา

เห็นหนังตามโรงหลายๆ ครั้งชอบซอยเป็นตอนย่อยๆ คราวนี้จะเขียนบันทึกแบบนั้นบ้าง เอิ๊กๆ เป็นบันทึกถึงชีวิตในช่วงนี้โดนแบ่งเป็น ๔ องค์นะครับ ได้แก่ เหนื่อย เบื่อ เซ็ง เหงา (แอบเลือกเฉพาะคำที่ขึ้นต้นด้วยสระเอ เพราะเทอมนี้เกรดที่ได้มาไม่มีเกรด A สักวิชาเลย มาให้ A ตัวเองก็ได้ หุหุ)

เหนื่อย ช่วงนี้เหนื่อยมากครับ งานเยอะมากถึงมากที่สุด ทั้งงานราษฎร์และงานหลวง ไม่รู้ทำไมมันชอบจะมารุมกันในช่วงเวลาเดียวกันทั้งนั้น ช่วงนี้แทบจะงานแบบวันชนวันเลยนะ บ้านที่ต่างจังหวัดก็ไม่ได้กลับเหมือนคนอื่นเค้า เที่ยวไหนก็ไม่ค่อยได้ไปอีก เลยเกิดอาการเหนื่อยมาก หรือว่าเพราะข้าพเจ้าแก่แล้วก็ไม่รู้นะ เลยเหนื่อยง่ายแบบนี้

เบื่อ กับเรื่องงานในหลายๆ อย่าง ทั้งค่ายที่ไปมา ที่ staff หลักก็จัดงานไม่ดี staff รุ่นพี่ๆ ก็เจ้ายศเจ้าอย่าง ไร้สาระดีจริงๆ ปีหน้าอาจจะไม่ไปแล้วค่ายนี้ งานสภาฯ ก็ดูหลายๆ คนเอื่อยๆ กันด้วย งานโปรเจ็คก็ไม่อยากจะด่าหรือว่าเพื่อนให้ทำงานแล้ว นอกจากนี้ก็เบื่อกับปัญหาเล็กๆ น้อยๆ ที่เข้ามาในชีวิตด้วย บ่นอย่างกับคนแก่

เซ็ง มากมายเลยครับเรื่องนี้ ปิดเทอมที่ไม่ได้ปิด หรือทำอะไรแล้วไม่ได้อย่างใจเลย ทำให้เกิดอาการเซ็งมากถึงมากที่สุด งานเยอะแต่ก็ไม่เกิดรายได้สักงาน ช่วงนี้จนลงอย่างยิ่งด้วย มีแต่เรื่องที่ต้องใช้เงินทั้งนั้น จะเก็บเงินดาวน์คอนโดฯ คงจะต้องพับโครงการไปก่อน อยากทำงานหาเงินเพิ่มก็ไม่ได้ เพราะเอาเวลาไปทำสิ่งที่ไม่ได้เงินหมดเลย

เหงา คนโสดก็แบบนี้ล่ะครับ ล่าสุดก็รู้สึกชอบน้องคนหนึ่งขึ้นมา นิสัยฮาดีต๊องๆ น่าลองจีบมาเป็นแฟนนะ แต่ก็ไม่คู่ควร เอิ๊กๆ น้องเค้ารวยดูดีลูกคุณหนูอนามัยแต่ข้าพเจ้าจนดูแย่ลูกคุณหมูซกมก แล้วก็น้องเค้าจะชอบกับหนุ่มคนอื่นอยู่ เห็นหยอกล้อกันหนุงหนิงน่าดู สุดท้ายข้าพเจ้าก็คงต้องถอยตัวออกห่างไปกินแห้วตามระเบียบ อิอิ

สำหรับเพลงปิดท้ายคราวนี้เลือกเพลงที่เหมาะกับตัวเองมากๆ เพราะเป็นทั่วไป หน้าตาไม่ดี ร้องเพลงไม่เก่ง ดนตรีไม่เป็น กีฬาไม่ได้ การศึกษาไม่สูง ฯลฯ แถมเนื้อเพลงเอามาเป็น ๒ ภาษาด้วย เผื่อมีคนที่เข้ามาดูภาษาไทยไม่แข็งแรงก็ดูภาษาอังกฤษได้ จะได้เข้าใจความหมายของเพลงและความรู้สึกของผม เอิ๊กๆ


เพลง : คนที่ไม่เข้าตา
Calories Blah Blah


มองใครต่อใครที่เดินจับมือเกี่ยวกัน
Looking around seeing people hold hands.
เห็นเค้าเหล่านั้นก็นึกอิจฉาในใจ
Watching them makes me jealous inside.
ทำไมไม่เป็นไม่มีอย่างเขา คิดแล้วมันก็เศร้าใจ
Why isn’t there anyone beside me? Thinking of it only makes me sad.

*มีเพียงความเหงา ให้เดินกอดคอเท่านั้น
Only loneliness to hold on too.
ที่นั่งติดกันเวลาดูหนัง คือใคร
Who’s the next person beside me at the movies.
จะกิน จะเดิน จะนอน ก็เหงา
Even when eating, walking or sleeping, I’m lonely.
ไม่มีใครเคียงข้างกาย ไม่มีใครเลย
But still no one beside me. No one at all.

**จะมีใครใครรัก คนหน้าตาอย่างฉัน
Would anyone love me? A person with my looks.
ที่มันธรรมดาไม่เข้าตาเหมือนใครๆ
Without the good looks, that has little appeal.
จะมีใครใครไหม ที่จะมองแต่หัวใจ
Is there anyone who’d see through me, into my heart.
จะมีไหมใครเข้าใจรักกัน
Is there anyone who’d love and understand.

จะมีกี่คนที่เค้าจะมองอย่างนั้น
How many people would see me that way.
จะมีสักวันบ้างไหม ที่ฝันเป็นจริง
When is it that my dreams will come true.
จะมีกี่คนที่เขาจะรับ ที่ฉันเป็นได้ทุกสิ่ง
And who might accept me in everything that I am.

(ซ้ำ *, **)

มองเห็นความสำคัญ จับมือกอดฉันด้วยความเต็มใจ
Someone who thinks I’m special and willingly hold my hands.
จะยอมให้ทุกทุกสิ่ง ที่ตัวฉันมี
All I have, will be given to the person whole heartedly.
จะไม่ทำให้เค้าผิดหวังเลยสักครั้ง
That someone I won’t ever let down (make disappointed).

(ซ้ำ **, **)




ปล. เมื่อไรที่ข้าพเจ้าจะเป็นคนที่เข้าตาบ้างนะ จะได้มีคนมาสนใจสักที

16 ตุลาคม 2551

หลงรัก Gmail แล้ว

เช้านี้ตื่นขึ้นมาโดยไม่สามารถนอนได้เต็มหลับ เพราะมีงานโปรเจ็คที่(ทำยังไงก็)ไม่เสร็จรอเราอยู่ในคอมพ์(หลับคาคอมพ์มาหลายคืนแล้ว) แต่พอตื่นขึ้นมาครับพอแตะที่ Touch Pad แล้วก็ต้องงงว่าทำไมต้องใส่รหัสผ่านเครื่อง เริ่มคิดในใจแล้วว่ามันต้องซวยรับเช้าวันใหม่แน่ๆ แล้วก็พบว่าจริงที่ Windows Update ตัวเองแล้วมันก็คงรีสตาร์ทให้(ด้วยความหวังดี) แทบคลั่งทันทีเพราะงานที่พิมพ์แล้ววางไว้ใน Notepad หายไปหมดเลย T_T ไมโครซอฟต์เอางานข้าพเจ้าคืนมาด้วย

เมื่อวานได้มีโอกาสลองใช้ Gmail ในหลายๆ อย่างที่ไม่เคยใช้ตามคำแนะนำของคุณน้องคิม ประธานสภานิสิต ที่จริงก็รู้นะว่ามันทำอะไรได้เยอะ แต่ก็ไม่เคยจะคิดใช้เพราะมีอีเมลล์หลักถึง ๓ ตัวล่ะ(มันจะใช้อะไรมากมาย) แต่ก็ลองๆ มาเล่นดูว่ามันจะดีเพียงใดเพราะต้องสมัครเมลล์ฝ่ายในสภาฯ พอดี แล้วก็พบว่ามันดีทีเดียวครับ

ระบบค่อนข้างง่าย ให้คนที่โง่จนถึงเก่งสามารถใช้งานได้ ชอบ GUI มันด้วยนะดูเรียบๆ เท่ๆ ดี แต่ก็ยังแอบงงในการแก้ไขหรือใช้งานในหลายๆ ส่วนอยู่ อาจจะต้องศึกษาก่อน ยังแอบนึกในใจเลยว่าจะเอาเมลล์ Gmail ที่มีอยู่ไปทำให้ออน MSN ได้แล้วใช้เป็นเมลล์หลักเลยดีหรือเปล่าเนี่ย แล้วก็จะได้โหลด Chrome มาใช้งานด้วยเลย อิอิ

เป็นอีกหนึ่งครั้งนะครับ ที่นานๆ ทีวชิรัตน์จะเขียนบันทึกให้(กึ่ง)มีสาระ ปกติจะเขียนพร่ำเพ้อไม่มีสาระเท่าไร ตอนนี้ต้องขอเวลาไปปั่นโปรเจ็คนรกมากมายต่อ พรุ่งนี้และอีกสุดสัปดาห์มีค่าย YWC ที่ ม.บูรพา ไม่รู้จะได้ไปหรือเปล่า ถ้าปั่นโปรเจ็คไม่เสร็จก็อดไปแน่นอนครับ แต่อยากไปนะอยากไปทะเล ไม่ได้ลงน้ำทะเลก็ได้ แค่ได้กลิ่นไอทะเลก็มีความสุขแล้ว

ปิดท้ายด้วย MV จาก YouTube เช่นเดิมนะครับ มีรุ่นน้องมาปรึกษาว่าชอบคนๆ หนึ่งทำไงดี อยากแนะนำให้รีบบอกเค้าไปเลยครับ ช้าไปอาจจะโดนคนอื่นแย่งไป(แบบข้าพเจ้า)ก็ได้ เหมือนตอนนี้ที่ข้าพเจ้าได้บอกรัก Gmail ไปแล้ว เอิ๊กๆ


เพลง: บอกให้รู้ว่ารักเธอ
ดัง พันกร บุณยะจินดา

ไม่รู้ว่าเธอได้ยินมันบ้างหรือเปล่า เข้าใจไหม เข้าใจบ้างไหม
ถึงฉันจะไม่เคยกระซิบออกไป แต่ในใจตะโกนว่ารัก

กี่ทีที่มองเบอร์เธอจนมันท้อ ว่าจะโทรไปแล้วก็กดทิ้ง
นอนไม่ค่อยหลับ มันคิดถึงจริงๆ แต่ยิ่งคิดยิ่ง ฮือ...

กี่วาเลนไทน์แล้วนะที่ผ่านไป แต่ไม่เคยพูดไปให้เธอรู้
ทั้งที่พบกันบ่อย ทั้งที่คบกันอยู่ แต่ดูไกลออกไป
ไม่อยากให้เป็นอย่างนี้ต่อไป มันหวั่นไหว
กลัวว่าในสักวันเจอะกับคำว่าสาย

ไม่รู้ว่าเธอได้ยินมันบ้างหรือเปล่า เข้าใจไหม เข้าใจบ้างไหม
ถึงฉันจะไม่เคยกระซิบออกไป แต่ในใจตะโกนว่ารัก

ที่รู้ก็คือว่าใจตัวเองของฉัน มันบงการให้สารภาพในความรู้สึก
ที่เก็บลึก ให้เธอรู้วันนี้ ว่ารักเธอ

ฟังเพลงจากวิทยุที่เปิดไว้ เป็นเรื่องคนๆ หนึ่งที่ต้องช้ำ
ตอนที่มีโอกาสเขาก็ไม่ยอมทำ มัวแต่รออะไรก็ไม่รู้
เมื่อก่อนเคยคิดว่าพร้อม เคยบอกเธอ แต่ถ้าไปไม่ถึงคงปวดร้าว
หากว่าฉันได้บอก เธอแค่พูดเบาๆ มาบอกอะไรตอนนี้

ไม่อยากให้เป็นอย่างนี้ต่อไป มันหวั่นไหว
กลัวว่าในสักวันเจอะกับคำว่าสาย

ไม่รู้ว่าเธอได้ยินมันบ้างหรือเปล่า เข้าใจไหม เข้าใจบ้างไหม
ถึงฉันจะไม่เคยกระซิบออกไป แต่ในใจตะโกนว่ารัก

ที่รู้ก็คือว่าใจตัวเองของฉัน มันบงการให้สารภาพในความรู้สึก
ที่เก็บลึก ให้เธอรู้วันนี้ ว่ารักเธอ

เป็นคำๆ เดียวแค่เท่านั้นเอง พูดไปแล้วถ้าผลเป็นอย่างไร
คำตอบจากเธอจะดีร้ายเพียงใด ดีกว่าบอกไปตอนที่เธอไม่อยู่ฟัง

ไม่รู้ว่าเธอได้ยินมันบ้างหรือเปล่า (เคยได้ยินบ้างไหม)
เข้าใจไหม เข้าใจบ้างไหม (เธอจะเข้าใจบ้างไหมที่ฉันไม่เคย กระซิบออกไป)
ถึงฉันจะไม่เคยกระซิบออกไป แต่ในใจตะโกนว่ารัก

ที่รู้ก็คือว่าใจตัวเองของฉัน มันบงการให้สารภาพในความรู้สึก
ที่เก็บลึก ให้เธอรู้วันนี้ ว่ารักเธอ

อยากบอกเธอตอนนี้ว่ารักเธอ




ปล. MV เพลงนี้มีหักมุมตอนท้าย ตามแบบของดังพันกรด้วย - -"

15 ตุลาคม 2551

ปิดเทอมจริงเหรอครับ

สาบานได้นะครับว่าช่วงนี้เป็นช่วงเวลาปิดเทอมเล็ก เป็นช่วงเวลาที่ให้นิสิตได้พักผ่อนและเตรียมตัวสำหรับการเรียนในภาคกลางศึกษาปลาย แต่ทำไมผมมีงานให้ทำมากมาย ทั้งงานราษฎร์และงานหลวง ได้ไปจุฬาฯ แทบทุกวันเลย ไม่ได้รู้สึกสักนิดเลยว่าช่วงนี้เป็นช่วงปิดเทอมเหมือนคนอื่นๆ เค้านะครับ

มีงานโปรเจ็คทั้งโปรเจ็ควิชาเรียนและซีเนียสโปรเจ็ค แถมยังเป็นงานกลุ่มด้วย ต้องรอให้เพื่อนมีอารมณ์อยากทำ แต่เวลาเพื่อนมีอารมณ์บางทีข้าพเจ้าก็ไม่มีอารมณ์อยากทำเลย ผลก็เลยเป็นงานที่ดองไว้ พอจะส่งทีก็รีบปั่นๆ ให้มันเสร็จๆ ลวกๆ ให้พอสุก ไม่ได้มีการสุกหอมกรุ่นพอดีทานเหมือนกลุ่มอื่นๆ หรอก

ส่วนอีกงานที่ใหญ่ช่วงนี้ก็งานสภานิสิต หลายๆ ครั้งที่ไฟในตัวเราลุกโชติช่วงจะทำอะไร ทั้งงานฝ่ายติดตามและประเมินผล งานวารสารVOICE แต่ก็มาเจอหลายคนที่ชิวๆ เกินไป ทำเอาเราไฟจะมอดหลายครั้ง(ด่าก็ขี้เกียจแล้ว) กลัวแต่มันจะพาลให้น้องใหม่ที่มีไฟในการทำงานจะไฟมอดลงไปด้วยนั่นสิ

นอกจากนั้นช่วงนี้ก็มาเรียนร้องเพลงด้วย เรียนพอขำๆ ให้ร้องเพลงไม่เพี้ยน แต่ก็ดูทีท่าว่ามันแค่เพี้ยนน้อยลง แต่ยังไงก็ผิดคีย์นรกเหมือนเดิม แล้วแต่ล่ะเพลงที่อาจารย์ดันเลือกให้ก็ช่างแบบว่าสะเทือนใจสุดๆ เพราะมีความรักกับเพลงเหล่านั้นทั้งนั้น ทั้งอยากรู้แต่ไม่อยากถาม(เธอคนนั้นขอให้เปิดให้ในรายการก่อนขึ้นเครื่อง) บัลลังก์เมฆ(ก็ไปดูละครเวทีมากับเธอ) กลัว(อารมณ์นี้ถึงเธอ) ภาวนา(เธอไปแล้วภาวนาไม่ทันล่ะ) เลือกได้ไหม(ไม่ได้แน่นอน) ตะวันยังมีให้เห็น(แต่เดี๋ยวนี้ก็ไม่ได้เจอกับเธออีกแล้ว) ร้องไปทีก็ได้แต่อารมณ์และความรู้สึกแต่ไม่ได้คีย์เลยให้ตายสิ

ปิดท้ายด้วยเพลงผูกพัน เพลงประกอบภาพยนตร์เรื่องยังไงก็รัก(ยังไม่เคยได้ดูเลยอ่ะ) เป็นเวอร์ชั่นพิเศษที่มีคนทำขึ้นมาครับดูแล้วเหงาและเศร้าได้อารมณืดี นั่งดูเพลินๆ แล้วสามารถร้องไห้ได้(เคยแล้ว) เป็นการนั่งรถไปชมกรุงเทพยามราตรีเพียงลำพังแต่เพียงผู้เดียว เหมือนชีวิตตอนนี้เลย

เพลง: ผูกพัน
บอย ตรัย ภูมิรัตน

นี่ใช่ไหม อะไร อะไรที่เคยคิด
ชีวิตที่มีแต่ฉัน ต่อจากนี้คงตัวคนเดียวอย่างที่คิด
นี่หรือที่ใจต้องการ นี่ใช่ไหมที่ฉันเคยฝันตลอดอยู่ในใจ
ชีวิตที่ไม่มีเธอรู้สึกเหมือนมันขาดอะไรไปไม่เข้าใจ

เก็บเรื่องราวที่มันเก่าๆใส่กล่องไว้ มองเห็นแล้วมันปวดร้าว
รูปถ่ายเราไปเที่ยวด้วยกันเมื่อตอนนั้น ตอนนี้ยิ่งดูยิ่งเศร้า

ไม่มีเสียงคำคำของเขาที่เราได้เคยฟัง
ไม่มีใครให้คอยมาไถ่ถาม เหลือเพียงแค่ความทรงจำ
ที่ย้ำให้รู้ว่า

เธอใช่ไหม ที่หัวใจของฉันผูกพัน
และคือเธอเท่านั้น วันนี้ฉันเพิ่งจะเข้าใจ
ไม่มีเธอมันดูเหงาๆ ยิ้มเศร้าๆบอกตัวเองไว้
นี่ยังไงโลกที่ไม่มี เธอแล้ว

ขาดเธอไปวันนี้ จึงได้เจอความหมาย
ไม่มีเธอวันนี้ ฉันถึงเข้าใจ

เธอใช่ไหม ที่หัวใจของฉันผูกพัน
และคือเธอเท่านั้น วันนี้ฉันเพิ่งจะเข้าใจ
ไม่มีเธอมันดูเหงาๆ ยิ้มเศร้าๆบอกตัวเองไว้
นี่ยังไงโลกที่ไม่มี เธอแล้ว

เธอใช่ไหม ที่หัวใจของฉันผูกพัน
และคือเธอเท่านั้น วันนี้ฉันเพิ่งจะเข้าใจ
ไม่มีเธอมันดูเหงาๆ ยิ้มเศร้าๆบอกตัวเองไว้
นี่ยังไงโลกที่ไม่มี เธอแล้ว

นี่ยังไงโลกที่ไม่มีเธอแล้ว




ปล.ต่อไปคิดว่าจะต้องปิดท้ายด้วย MV จาก YouTube เรื่อยๆ มีหลากหลายเพลงให้ได้ใช้ดี

09 ตุลาคม 2551

พูดตรงตรง

บางทีบางอย่างบางครั้งบางคนก็มีความรู้สึกเป็น ๒ อย่าง แต่ขึ้นอยู่กับว่าจะแสดงออกแบบไหนมากกว่า จะเก็บความรู้สึกใดเอาไว้ในใจและพูดหรือแสดงสิ่งใดออกมา เหมาะกับคนราศีเมถุนอย่างข้าพเจ้าเป็นอย่างยิ่งเพราะข้าพเจ้าก็มักจะมีความรู้สึกกับเรื่องราวต่างๆ เป็น ๒ ด้านเสมอ แค่จะแสดงความรู้สึกด้านไหนออกมา

บวกกับ Theme วารสาร VOICE เล่มนี้ที่ได้เสนอไปและผ่านแล้วก็คือ Brigth & Blue เป็น Theme เพื่อสะท้อนความรู้สึกว่าสิ่งต่างๆ มันมีมากกว่า ๑ ด้านเสมอ แล้วแต่ว่าเราจะมองอย่างกับเรื่องราวนั้นๆ จะมอง Brigth ดูเรื่องราวนั้นช่างสดใสสวยงาม หรือ จะมอง Blue ดูเรื่องราวช่างโศกเศร้าสิ้นหวัง

เคยไรท์เพลงเป็น CD ให้คนรู้จักคนหนึ่งนะ เป็น CD ๒ แผ่น แผ่นหนึ่งเป็นตัวแทนของ Brigth รวมเพลงดีๆ ที่เกี่ยวกับความรักด้านที่มีความหวัง ส่วนอีกแผ่นเป็นตัวแทนของ Blue รวมเพลงดีๆ ที่เกี่ยวกับความรักในด้านที่เศร้าเสียใจ ไม่รู้ว่าคนนั้นจะเข้าใจความหมายของ CD ๒ แผ่นนั้นหรือเปล่า แต่มันก็เป็นไอเดียที่ต่อยอดมาให้เป็น VOICE เล่มที่กำลังจะออกของสภานิสิตเล่มนี้

พอพูดถึง Brigth & Blue และการแสดงออกของคนก็นึกถึงเพลงๆ หนึ่งที่ก็โอเคนะ ชอบพอสมควรแต่ร้องยากพอสมควรเช่นกัน(เรียกว่าพูดมากกว่าร้องจะดีกว่า) เป็นเพลงที่น่าฟังและดู MV อีกเพลงหนึ่ง เพราะมิวสิควีดีโอแอบแฝงความหมายไว้เหมือนกัน แล้วแต่ว่าจะดูแล้วเข้าใจไหมนะว่าเพลงมันสื่ออะไร

ฉันน่ะเฝ้ามองเธอกับเขามีความสุข
สายตาที่เขามีให้เธอคือทุกๆอย่าง
แต่สิ่งที่เป็นเรื่องสำคัญ นั้นคือสายตาของเธอ
ที่..มองดูกับด้วยความรัก และความชื่นชม
ท่า..ทีที่สุขสม ที่มีเขาอยู่ข้างกาย
เป็นอะไรที่เหมาะสมทุกอย่าง คู่ควรกันในทุกๆด้าน

* แต่ทำไมก็ไม่รู้..หัวใจ ยิ่งได้เห็นเธอกับเขาใกล้ๆ
น้ำตานั้นก็ไหลออกมาไม่รู้ตัว

** ไม่รู้ว่าฉันอิจฉาหรือว่าสุขใจ น้ำตาที่ไหลนั้นไหลมาจากจุดไหน
เป็นเพราะฉันเสียใจ หรือเป็นเพราะฉันชื่นชม
ที่ได้เห็นเธอกับเขา รักกันขนาดนี้ ฉันควรจะยินดีที่เห็นเธอสุขสม
มากกว่าที่จะรู้สึก ไม่อยากให้เป็นเขาเลย พูดตรงๆ

ฝืน..ที่จะยิ้มและหัวเราะให้มีความสุข
เพราะ..ว่าฉันรู้ว่าเป็นสิ่งเดียวที่จะให้ได้
พยายามจะไม่คิดถึงวัน ที่ฉันเคยมีเธอข้างกาย
ฉัน..ควรดีใจที่ได้เห็นเธอมีความสุข
ฉัน..ควรจะลุกไปพูดคุยและไปทักทาย
เธอกับเขาเหมาะสมกันทุกอย่าง คู่ควรกันอย่างมากมาย

(*,**,**)

เพราะว่าฉันอิจฉาหรือสุขใจ น้ำตาที่ไหลนั้นไหลมาจากจุดไหน
เป็นเพราะฉันเสียใจ หรือเป็นเพราะฉันชื่นชม
ที่ได้เห็นเธอกับเขา รักกันขนาดนี้ ฉันควรจะยินดีที่เห็นเธอสุขสม
มากกว่าที่จะรู้สึก ไม่อยากให้เป็นเขาเลย พูดตรงๆ



ปล.แอบอิจฉาวัยรุ่นเดี๋ยวนี้มีการร้องเพลงให้กัน แล้วแฟนก็เอาเพลงที่อัดไปลงบล็อคตัวเอง

05 ตุลาคม 2551

งานในช่วงนี้

มีงานมากมายหลายอย่างมาให้ทำในช่วงนี้ อาจจะเป็นเพราะอยู่ปี ๔ ด้วยล่ะครับ จึงทำให้มีงานอะไรต่อมิอะไรให้ทำอย่างมากมาย เพราะอีกไม่นานก็จะเข้าสู่ชีวิตของวัยทำงานแล้ว คงไม่มีโอกาสได้ทำอะไรในฐานะนิสิตแล้ว เพราะฉะนั้นช่วงนี้อยากทำอะไรมากมายเท่าที่แรงกายและแรงใจจะสามารถทำได้ไหวครับ

งานเรียนก็มีซีเนียสโปรเจ็คเป็นตัวหลักที่ยังเป็นลูกผีลูกคนกับเว็บที่ไปรับเงินทุนจากสมาคมนิสิตเก่าวิศวฯ จุฬาฯ มาทำ แรกๆ ก็มีไฟที่จะทำเยอะมากนะ แต่มันเป็นงานทีม ๓ คน ถึงเราจะไฟแรงแต่เพื่อนในทีมไม่มีไฟก็จะพาให้เราไฟมอดด้วย หรือเวลาเพื่อนมีไฟแล้วเราไฟมอดก็จอดเช่นกัน

งานจุฬาฯ วิชาการอันนี้ก็เป็นงานที่ใหญ่เหมือนกันนะ ๓ ปีมีครั้ง ตอนแรกก็ว่าจะไปทำของส่วนกลางและไม่ทำของสาขาตัวเองเพราะอยากปล่อยให้เพื่อนๆ ได้ทำงานดิ้นรนกันบ้าง สุดท้ายก็กลืนน้ำลายตัวเองมาช่วย ๒ โครงการใหญ่ๆ ทั้งเป็นผู้รับผิดชอบเว็บ ๑ โครงการและฝ่ายวิชาการจัดตอบแข่งขันตอบปัญหาด้านคอมพิวเตอร์

งานสภานิสิตเป็นงานใหม่ที่มาทำครับ แต่ก่อนเคยทำแต่ อบจ. แต่กลับมาจากน่านแล้วพี่เก่าๆ ที่รู้จักก็หายไปหมดเลยลองย้ายตัวเองมาทำสภานิสิตดู ก็สนุกดีนะครับมาทำ กมธ ฝ่ายติดตามและประเมินผล ต้องตั้งฝ่ายใหม่ให้กับสภานิสิต ตอนนี้ก็เรื่อยๆ มีปัญหาเรืองใหญ่ๆ ก็คือไม่มีคนอยากทำกิจกรรม แย่หน่อยครับ

งานวิทยุจุฬาฯ ช่วงนี้กลับมาเป็นนิสิตที่เรียนหนักเลยไม่ได้ไปแจมกับพี่ๆ ที่สถานีวิทยุเท่าไรนะ แต่เดือนมกราคมจะไปช่วยงานจัดติวของสถานีวิทยุแห่งจุฬาฯ แน่นอน เพราะไม่แน่ว่าอาจจะเป็นโครงการสุดท้ายที่จัดติวก็เป็นไปได้ อะไรก็อาจไม่แน่นอนบนโลกใบนี้ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา

งานเว็บเด็กดี ไม่ได้ทำงานเป็นตัวหลักมานานพอสมควรเพราะงานเรียนก็หนักแล้ว แต่ก็ยังดูๆ ห้องแชทบ้างและก็ไปช่วยๆ งานตามที่เว็บจัดกิจกรรมบาง เดี๋ยวนี้เด็กดีมีพนักงานมากขึ้นแล้วไม่เหมือนเมื่อก่อน เราเลยขอพักงานมาเรียนเต็มที่ได้ ตอนนี้ก็หวังว่าจบไปจะยังพอมีตำแหน่งเหลือๆ ให้ทำนะ ไม่งั้นก็อาจจะได้กลับไปอยู่บ้าน

งานในสาขา ก็มีเรื่อยๆ ตามสภาพของอุปนายกฝ่ายนอก ไหนๆ สาขาก็โดนปิดตัวลงไปแล้ว งานหลายๆ อย่างก็น้อยลงไป อย่างน้อยงานประชาสัมพันธ์และรับสมัครก็ไม่มี ไม่ต้องหาหลอกน้องให้มาเรียนพัฒนาซอฟต์แวร์ต่อไปเหมือนทุกปี ไม่ต้องตอบคำถามเด็กทาง MSN หรือทางโทรศัพท์แล้ว

ทำงานเยอะๆ ก็ดีอย่างนะ จะได้ดูว่าไม่ว่าง จะไม่ได้ต้องนั่งเหม่อเพ้อล่องลอย จะได้ไม่คิดมากบางเรื่องด้วย เอาเวลามาคิดเตรียมงานกับพักผ่อนแล้วก็เรียนก็พอแล้ว เคยยอมทิ้งงานเพื่อให้มีเวลาว่างๆ แต่เพื่ออะไรกับเวลาเล่านั้น เอาเวลากลับมาให้งานทั้งหลายต่อไป สู้ๆ นะครับวชิรัตน์ นายเข้มแข็งและแข็งแกร่งพอนะ!!