ตอนนี้ข้าพเจ้าก็ได้กลับมาสู่ประเทศน่านเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หลังจากลั๊ลล้าไร้สาระทำกิจกรรมต่างๆ ณ กรุงเทพมหานครเป็นเวลานาน ที่ต้องกลับมาก็เพราะยังเป็นนิสิตสิครับ ลองไม่กลับมามีหวังโดนพ้นสภาพนิสิตของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยแน่ๆ มีงานและโปรเจ็คมากมายที่ จ.น่าน รอคอยข้าพเจ้าอยู่ สรุปสั้นๆ ว่าตอนนี้ผมมาใช้ชีวิตเดือนสุดท้าย(กว่าๆ)ณ ประเทศน่านแล้วครับ
พักหลังมานี้ไม่รู้เป็นไรปวดหัวจี๊ดๆ ทางสมองซีกขวา ที่มั่นใจแน่ๆ ว่าไม่ได้เป็นไมเกรนหรือปวดหัวปกติอย่างแน่นอน แต่ไม่รู้ว่าเป็นอะไร กลัวอยู่ ๒ อย่าง คือ เนื้องอก หรือ พยาธิขึ้นสมอง หุหุ ยิ่งดู FW Mail เยอะๆ อยู่ด้วย สยองๆ แค่อาการถ่ายเป็นเลือดนี้ก็ทำเอาสภาพใกล้ตายอยู่ล่ะ ยังไม่นับอาการอื่นๆ อาทิ ปวดตา เมื่อยตัว ฯลฯ (ไม่น่าอยู่รอดได้นะ)
ตอนนี้ตัดผมสั้นหน่อย(ไม่ถือว่าเป็นทรงใหม่เท่าไร) มีแว่นใหม่กรอบสีแดงๆ ด้วย ใส่แล้วดูเกย์ชะมัด แต่ก็แต่งเอาขำๆ เซ็ทผมด้วย เครียดอะไรมาก็ระบายกับหัวเราดีที่สุด เอิ๊กๆ ช่วงนี้โด๊ปข้าวโด๊ปยารักษาตัวเลยดูบวมขึ้นเรื่อยๆ แต่หน้าตาดูผ่องใสขึ้น แต่ให้แต่งแบบนี้ทุกวันก็ไม่ไหว นานๆ ทีแก้เซ็ง แต่ก็อยากตัดผมสั้นๆ จะได้ดูหน้าเด็กๆ เอิ๊กๆ
ช่วงนี้มี Project ให้ทำมากมาย ต้องทำตัวให้สมกับการเรียนพัฒนาซอฟต์แวร์สักหน่อย หลังๆ เริ่มเป็นแนวนิเทศมากไปล่ะ อยากเรียนนิเทศแสดดดดดดดดดดดดดดด
29 มกราคม 2551
22 มกราคม 2551
ปากบอน
ไม่ได้มาเขียนเป็นระยะเวลา ๓ สัปดาห์ สืบเนื่องจากมีภารกิจที่จะต้องไปช่วยงานสรุปเข้มโค้งสุดท้าย โครงการ ๔ ตอน Party Admission จุดนัดฝัน คนพันธุ์แอด ณ หอประชุมจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ทุกวันเสาร์และอาทิตย์เป็นระยะเวลา ๓ สัปดาห์ ความสนุกสนุนและบรรยากาศจะนำมาฝากในโอกาสถัดไป(ถ้ามีโอกาสและอารมณ์)
วันนี้นั่งเล่นและนอนเล่นอินเทอร์เน็ตไปเรื่อยๆ ในที่สุดก็ได้ไปค้นเจอบทกลอนหนึ่งที่ชอบมากๆ อ.ช่อทิพา เป็นคนนำมาให้ได้อ่านครั้งแรกสมัยอยู่มัธยมศึกษา วันนี้เป็นโอกาสอันดีที่จะขออนุญาตคัดลอกบทกลอนบทนี้มาเผยแพร่ของครูกลอนที่มีนามว่า"ชิต บุรทัต" ทำไมผมถึงชอบบทกลอนบทนี้นั้นเหรอ ลองไปอ่านดูสิครับ
๐ ปากบอนเถอะกูรู้ หละก็กูจะตบมึง
เรื่องนั้นจะดันดึง และแดะแด๋เพราะโกรธดาล
๐ รู้เห็นอะไรหน่อย สิจะคอยเสนอขาน
เสือกแส่จะรังควาน เอะอะอึงตะบึงไป
๐ ถ้าหนักกระบาลมึง จะทะลึ่งก็ตามใจ
นี่เล่าก็เปล่าใย เสาะแสะเสือกมิเห็นสม
๐ เรื่องกูก็เรื่องกู ผิวะรู้ก็ควรอม
อย่าคายระบายลม เหลาะแหละให้กะใครฟัง
๐ ก่อนมึงก็มีคาว ระบุฉาวกระฉ่อนดัง
กูสู้สงบบัง มิแคะไค้กะใครเลย
๐ หากกูมิช่วยดับ จะระงับอะไรเหวย
ป่านนี้น่ะคงเผย กระจะหมดกระจ่างเมือง
๐ เรื่องใดก็ดีกู เจอะและรู้แน่ะเนืองเนือง
แม้ขุ่นและครุ่นเคือง ก็มิคิดจะไขขาน
๐ เรื่องใครก็เรื่องใคร เกาะแกะใยแฮ่ะป่วยการ
มีงานประกอบงาน เฉพาะตนก็เย็นใจ
๐ เรื่องกูกระนี้มึง สะเออะอึงกะใครใคร
เป็นไรก็เป็นไป เถอะจะตบมินับหน
๐ แก้ปากคะเยอคัน มิฉะนั้นจะเคยตน
ต่อไปอะไรดล ก็จะแดงเพราะมึงบอน ฯ
ปล.ขอเพิ่มเติมความรู้สักนิดนะครับ จริงๆ บทประพันธ์บทนี้ไม่ใช่กลอน แต่ก็พิมพ์ด้วยความเคยตัว จริงๆ แล้วเป็นคำประพันธ์ประเภทอินทรวิเชียรฉันท์ แจ้งไว้ให้ทราบครับ และก็ขอย้ำอีกครั้งว่าประพันธ์โดยท่านชิต บุรทัตครับ สุดยอดไหมล่ะ ใครชอบก็นำไปท่องจำเล่นได้นะครับ
วันนี้นั่งเล่นและนอนเล่นอินเทอร์เน็ตไปเรื่อยๆ ในที่สุดก็ได้ไปค้นเจอบทกลอนหนึ่งที่ชอบมากๆ อ.ช่อทิพา เป็นคนนำมาให้ได้อ่านครั้งแรกสมัยอยู่มัธยมศึกษา วันนี้เป็นโอกาสอันดีที่จะขออนุญาตคัดลอกบทกลอนบทนี้มาเผยแพร่ของครูกลอนที่มีนามว่า"ชิต บุรทัต" ทำไมผมถึงชอบบทกลอนบทนี้นั้นเหรอ ลองไปอ่านดูสิครับ
๐ ปากบอนเถอะกูรู้ หละก็กูจะตบมึง
เรื่องนั้นจะดันดึง และแดะแด๋เพราะโกรธดาล
๐ รู้เห็นอะไรหน่อย สิจะคอยเสนอขาน
เสือกแส่จะรังควาน เอะอะอึงตะบึงไป
๐ ถ้าหนักกระบาลมึง จะทะลึ่งก็ตามใจ
นี่เล่าก็เปล่าใย เสาะแสะเสือกมิเห็นสม
๐ เรื่องกูก็เรื่องกู ผิวะรู้ก็ควรอม
อย่าคายระบายลม เหลาะแหละให้กะใครฟัง
๐ ก่อนมึงก็มีคาว ระบุฉาวกระฉ่อนดัง
กูสู้สงบบัง มิแคะไค้กะใครเลย
๐ หากกูมิช่วยดับ จะระงับอะไรเหวย
ป่านนี้น่ะคงเผย กระจะหมดกระจ่างเมือง
๐ เรื่องใดก็ดีกู เจอะและรู้แน่ะเนืองเนือง
แม้ขุ่นและครุ่นเคือง ก็มิคิดจะไขขาน
๐ เรื่องใครก็เรื่องใคร เกาะแกะใยแฮ่ะป่วยการ
มีงานประกอบงาน เฉพาะตนก็เย็นใจ
๐ เรื่องกูกระนี้มึง สะเออะอึงกะใครใคร
เป็นไรก็เป็นไป เถอะจะตบมินับหน
๐ แก้ปากคะเยอคัน มิฉะนั้นจะเคยตน
ต่อไปอะไรดล ก็จะแดงเพราะมึงบอน ฯ
ปล.ขอเพิ่มเติมความรู้สักนิดนะครับ จริงๆ บทประพันธ์บทนี้ไม่ใช่กลอน แต่ก็พิมพ์ด้วยความเคยตัว จริงๆ แล้วเป็นคำประพันธ์ประเภทอินทรวิเชียรฉันท์ แจ้งไว้ให้ทราบครับ และก็ขอย้ำอีกครั้งว่าประพันธ์โดยท่านชิต บุรทัตครับ สุดยอดไหมล่ะ ใครชอบก็นำไปท่องจำเล่นได้นะครับ
01 มกราคม 2551
ปีใหม่ ๒๕๕๑
ปีใหม่ทั้งทีแต่ข้าพเจ้าไม่สบาย อาจจะเพราะการนอนผิดเวลาบ่อยๆ เปลี่ยนกลางวันเป็นเวลานอนแล้วมาเปลี่ยนกลางคืนเป็นเวลาตื่น แบบนี้มันก็สมควรที่จะไม่สบายแล้ว อาการก็ค่อนข้างเย็นลงด้วยกระมัง จึงทำให้ข้าพเจ้ามีอาการคัดจมูกและเจ็บคอได้ เดี๋ยวต้องรักษาสุขภาพตัวเองเพิ่มอีกหน่อย จะพยายามดื่มน้ำให้มากๆ มาอยู่หอในแล้วดื่มน้ำน้อยลงจนเป็นร้อนในเลย
เมื่อวานมีแผนจะไปเคาท์ดาวน์ที่เซ็นทรัลเวิร์ลด แล้วก็เลยโทรฯ ชวนเพื่อนๆ ที่ยังอยู่ที่ กทม แต่ปรากฏว่าตอนที่นัดกันเพื่อนๆ ที่ชวนนัดไปเดินถ่ายรูปแถวเกษรพลาซ่าเสียอย่างนั้น ข้าพเจ้าก็นั่งรอเป็นเวลานานพอสมควรก็นึกว่าจะไม่มาแล้ว เลยไปเดินดูสินค้าในห้างกับน้องเมทที่ไปด้วยกันแถว อยู่ได้แค่สี่ทุ่มกว่าๆ ก็รีบกลับ เพราะแบตโทรศัพท์หมด(กลัวส่งข้อความไม่ได้) และสภาพร่างกายก็ย่ำแย่เกิดปวดหัวจี๊ดๆ ขึ้นมาได้ไงก็ไม่รู้ เลยรีบกลับมาพักผ่อนที่หอดีกว่า
สรุปปีนี้ก็ได้เคาท์ดาวน์หน้าคอมพิวเตอร์ติดต่อกันเป็นปีที่ ๔ ต่างก็แค่ไม่ได้ตั้งใจนับถอยหลังกับใครเป็นพิเศษ นั่งไร้สาระดูบอร์ด เล่น MSN ไปเรื่อยๆ จนข้ามปีเช่นเคย แต่ก็ยังทรหดเล่นโน้ตบุ๊คอยู่ได้จนถึงเช้า แล้วค่อยนอนพักผ่อน ตื่นมาก็เลยรู้สึกว่าไม่สบายอย่างที่บ่นในตอนแรกนั้นล่ะ ไม่ไหวล่ะไปนอนต่อดีกว่า
ปล.ขอบคุณทุกข้อความ ทุกคำอวยพรที่ทุกคนส่งมาให้นะคร้าบบบบ
เมื่อวานมีแผนจะไปเคาท์ดาวน์ที่เซ็นทรัลเวิร์ลด แล้วก็เลยโทรฯ ชวนเพื่อนๆ ที่ยังอยู่ที่ กทม แต่ปรากฏว่าตอนที่นัดกันเพื่อนๆ ที่ชวนนัดไปเดินถ่ายรูปแถวเกษรพลาซ่าเสียอย่างนั้น ข้าพเจ้าก็นั่งรอเป็นเวลานานพอสมควรก็นึกว่าจะไม่มาแล้ว เลยไปเดินดูสินค้าในห้างกับน้องเมทที่ไปด้วยกันแถว อยู่ได้แค่สี่ทุ่มกว่าๆ ก็รีบกลับ เพราะแบตโทรศัพท์หมด(กลัวส่งข้อความไม่ได้) และสภาพร่างกายก็ย่ำแย่เกิดปวดหัวจี๊ดๆ ขึ้นมาได้ไงก็ไม่รู้ เลยรีบกลับมาพักผ่อนที่หอดีกว่า
สรุปปีนี้ก็ได้เคาท์ดาวน์หน้าคอมพิวเตอร์ติดต่อกันเป็นปีที่ ๔ ต่างก็แค่ไม่ได้ตั้งใจนับถอยหลังกับใครเป็นพิเศษ นั่งไร้สาระดูบอร์ด เล่น MSN ไปเรื่อยๆ จนข้ามปีเช่นเคย แต่ก็ยังทรหดเล่นโน้ตบุ๊คอยู่ได้จนถึงเช้า แล้วค่อยนอนพักผ่อน ตื่นมาก็เลยรู้สึกว่าไม่สบายอย่างที่บ่นในตอนแรกนั้นล่ะ ไม่ไหวล่ะไปนอนต่อดีกว่า
ปล.ขอบคุณทุกข้อความ ทุกคำอวยพรที่ทุกคนส่งมาให้นะคร้าบบบบ
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)