29 กันยายน 2551

นิสัยจิตๆ เพราะเรียนซอฟต์แวร์

ตั้งแต่มาเรียนพัฒนาซอฟต์แวร์ได้ ๓ ปีกว่าๆ (และจะเรียนแค่ ๔ ปีเท่านั้น!) ก็ได้มีนิสัยนิสัยต่างๆ ที่ข้าพเจ้าคิดว่าเป็นเหมือนโรคจิต(เพราะเรียนคอมพ์) คนที่ไม่เรียนจะรู้สึกว่ามันแปลกแต่ใครที่เรียนคอมพ์ก็คงรู้สึกปกติ(หรืออาจจะเป็นบ้าง) มาลองดูดีกว่าว่าข้าพเจ้ามีอาการอะไรบ้างนะครับ

เวลาพิมพ์วงเล็บเปิดจะต้องพิมพ์วงเล็บปิดทันทีแล้วจึงค่อยพิมพ์ข้อความตามลงไปในวงเล็บ () ติดนิสัยการเขียนตัวแปร แม้จะไม่ค่อยเขียนโค้ดส่งงานเหมือนคนอื่นเค้า แต่ก็ติดนิสัยนะเวลาที่พิมพ์วงเล็บจะต้องเป็นแบบนี้แทบทุกครั้งเลย เลยดูเป็นคนโรคจิตเลยเสียอย่างนั้น

ระบบวันที่จะเป็นปีเดือนวัน ฟังดูงงๆ แต่โดยปกติคนทั่วไปเค้าที่จะตั้งชื่อไฟล์เป็นวันที่ก็มักนิยมจะตั้งเป็นวันเดือนปี(DD-MM-YYYY) แต่พอมาเรียนพัฒนาซอฟต์แวร์ก็ติดนิสัยตั้งชื่อไฟล์หรือโฟลเดอร์เป็นรูปแบบปีเดือนวัน(YYYY-MM-DD) เพี่ให้ไฟล์มันเรียงกันตาม timeline นั่นเอง

ทำอะไรชอบ save เพราะทำอะไรในคอมพ์ก็กลัวเสียเลยจะต้อง save หรือบันทึกงานเรื่อยๆ เล่นเกมก็ save ได้ หลังๆ เลยทำอะไรก็คิดที่จะ save (ทุกอย่างจริงๆ นะ) เคยทำงานที่จะต้องใช้ฝีมือแล้วกลัวทำพลาดเลยจะหาปุ่ม save (เชื่อมันเลย) แถมบางทีทำงานพลาดไปก็จะไปหาปุ่ม Undo หุหุ

พิมพ์งานไปเปลี่ยนภาษาไป เพราะใช้คอมพ์พิมพ์งานประจำไม่ค่อยได้เขียน พิมพ์ไปพิมพ์มาบางทีต้องเปลี่ยนไปพิมพ์ภาษาอังกฤษด้วย เลยจะกดปุ่มเปลี่ยนภาษาที่มุมซ้ายบน แต่พอกลับมาเขียนงานส่งอาจารย์แล้วเขียนไปสักพักต้องเขียนคำภาษาอังกฤษนั่งนึกสักพักว่าจะหาปุ่มเปลี่ยนภาษาตรงไหน ข้าพเจ้าบ้าไปแล้ว!!

นี่เป็นอาการนิดๆ หน่อยๆ ที่เป็นโรคจิตสืบเนื่องจากที่เรียนพัฒนาซอฟต์แวร์นะ จริงๆ มีอีกพอสมควร ไว้โอกาสดีก็เข้ามาถามได้ เหอๆ

ปล.อ่านแล้วสามารถแสดงความคิดเห็นได้นะครับ ไม่กัดๆ

23 กันยายน 2551

เรื่องจริงหรือเปล่า ?

คนหนึ่งวิ่งตาม . . . . อีกคนวิ่งหนี
คนหนึ่งฟุ้งซ่าน . . . . อีกคนไม่คิดอะไรเลย
คนหนึ่งสนใจ ใส่ใจ ดูแล เป็นห่วง . . . . อีกคนไม่เคยรู้สึกว่ามีค่า
คนหนึ่งโทรไปแล้วหาเรื่องคุย . . . . อีกคนรับสายแล้วหาเรื่องวาง




คนหนึ่งอยากเจอนานๆ ทีก็ยังดี . . . . อีกคนทำงาน ไม่ว่าง อยากพัก
คนหนึ่งคิดถึงอีกคน . . . . แต่อีกคนแกล้งทำเป็นไม่รับรู้
คนหนึ่งเพิ่งหยุดร้องไห้แล้วโทรหา . . . . อีกคนไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเสียงเปลี่ยนไป




บางครั้ง . . . .
คุณควรคิดย้อนกลับไปถึง คนที่เค้ารักและเป็นห่วงคุณบ้าง
อย่าทำเหมือนความรู้สึกและสิ่งดีๆ . . . .
. . . . ที่เค้าทำให้คุณ ไม่มีค่า ไม่มีความหมายอะไรเลย




อย่าทำร้าย ความรู้สึกของคนที่รักคุณ ด้วยการไม่สนใจเค้า
โปรด . . . . ดูแลความรู้สึกของคนข้างๆ คุณบ้าง
อย่าให้ความรู้สึกดีๆ ต้องจางหายไป
ไม่เช่นนั้น . . . . คุณอาจมานั่งเสียใจทีหลังก็เป็นได้


21 กันยายน 2551

วชิรัตน์ทำอะไรได้มากกว่าที่คุณคิด

เมื่อกล่าวถึงวชิรัตน์แล้วหลายๆ คนคงถึงชายหนุ่มอ้วนเตี้ยคนหนึ่งที่หน้าตาเห่ยๆ หน้ากลัวๆ (- -") ซึ่งปัจจุบันยังมีสถานภาพเป็นนิสิตหลักสูตรวิทยาศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาการพัฒนาซอฟต์แวร์ ที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย แต่ใครเลยจะคิดว่าวชิรัตน์มีความสามารถในหลากหลายอาชีพมากกว่าแค่เป็นนิสิตด้วย

จัดรายการวิทยุ แม้จะดูพูดจาไม่ค่อยรู้เรื่องแต่ก็ไม่น่าเชื่อว่าวชิรัตน์จะจัดรายการวิทยุด้วยที่วิทยุจุฬาฯ ไปแจมๆ เค้าเรื่อยๆ จริงๆ อยากทำโปรดิววเซอร์มากกว่า(ผู้ผลิตรายการไม่ต้องมาจัดเอง) แต่เนื่องจากวิทยุผู้ผลิตส่วนใหญ่ก็คือผู้จัดรายการเองด้วย เลยได้โอกาสดีมาจัดรายการ จริงๆ แล้วจัดรายการมาตั้งแต่มัธยมประมาณ ม.๓ แต่ที่บ้านไม่เคยรู้ - -" เหอๆ ถ้าที่บ้านรู้ก็คงไม่ให้จัดอย่างแน่นอนเลยเชียว

คอลัมนิสต์ ไม่น่าเป็นไปได้อีกแล้วใช่ไหมครับที่วชิรัตน์จะเขียนบทความได้ ข้าพเจ้าเป็น web content ที่เว็บ www.dek-d.com ครับ ทำในส่วนของการศึกษาแอดมิชชั่นพวกนั้นล่ะ แต่ก่อนทำมากกว่านั้นเยอะครับ แต่พักหลังๆ เรียนนักมากมายเลยเขียนน้อยลง เว็บมีทีมงานมากขึ้นด้วยล่ะ รอให้ข้าพเจ้าเรียนจบก่อนแล้วจะไปทำงานในส่วนนั้นเต็มเวลา

นักจิตวิทยา ไม่ได้เก่งอะไรหรอกครับ แต่สืบเนื่องจากสิ่งที่แล้วต้องทำเรื่องการศึกษาเลยต้องให้คำแนะนำแก่นักเรียนบ่อยๆ โดยส่วนตัวก็ชอบอะไรด้านนี้อยู่แล้ว ทำไปทำมาก็สนุกดีนะครับ หลังๆ ก็ช่วยปรึกษาปัญหาให้คนทั่วไปด้วย พอได้มาทำงานประมาณนี้ก็ได้รู้จักผู้คนมากขึ้น ตอนนี้ยังแอบอยากต่อ ป.โท ด้านจิตวิทยาเลย แต่ไม่รู้ว่าแค่ ป.ตรี จะจบหรือเปล่า เอิ๊กๆ

นักแสดง ไม่ได้ไปเล่นอะไรตามโทรทัศน์หรอกครับ แต่ก็พอได้มีโอกาสเล่นพวกนี้พอสมควรทั้งในละครวิทยุ และตามค่ายต่างๆ เอิ๊กๆ แต่ฝีมือก็ยังอ่อนหัดนัก แต่ก็เป็นอะไรที่สนุกดีนะที่ต้องมารับบทบาทอะไรสักอย่าง ที่โดยปกติในชีวิตเราก็ไม่ได้มีโอกาสแบบนั้นแน่ๆ แต่คงไม่เทพพอไปเล่นตามภาพยนตร์หรือโทรทัศน์หรอกนะครับ เล่นพอขำๆ

นักข่าว เอากับเขาด้วยสิ ก็ทำวิทยุไงครับ เขียนคอลัมน์ด้วย เลยพอทำข่าวเป็นนิดๆ หน่อยๆ เคยรายงานข่าวสดๆ ออกรายการวิทยุด้วยนะครับ กลัวมากมายแต่ก็ฮาดีนะ อยากไปทำข่าวสายต่างๆ ดูนะ เพราะหลักๆ ทำในสายการศึกษา ตามประเด็นพวกนั้น ฯลฯ รวมไปถึงข่าวลับๆ gossip ในคณะก็ทำนะ เอิ๊กๆ ใครอยากเป็นข่าวบอกกันได้

นักสืบ ไม่ถึงประมาณไอ้จ๊อกในสายลับจับบ้านเล็กหรอกนะ แต่อยากให้สืบเรื่องอะไรก็พอช่วยสืบๆ หาเบาะแสได้ อาจจะเพราะทำนักข่าวด้วยมั้ง เลยมักจะได้เซ้นส์ถึงเหตุการณ์ต่างๆ แล้วก็แนวโน้มความน่าจะเป็น จนเพื่อนๆ หลายคนยังแซวว่าจบไปให้ไปทำอาชีพนักสืบก็น่าจะเหมาะกับวชิรัตน์นะ แต่บางทีก็ออกแนวเสือกมากกว่าสืบนะ เอิ๊กๆ

พิธีกร จัดรายการวิทยุได้ทำพิธีกรก็คงไม่น่าแปลกอะไรนะ เคยทำมาหลายงานล่ะ ตั้งแต่งานเล็กๆ ในห้อง โรงเรียน คณะ มหาวิทยาลัย งานอีเวนท์ต่างๆ พอสมควร งานแต่งงานก็เคยเป็นมาแล้วนะมีพี่ที่รู้จักกล้าจ้างไปเป็นพิธีกรงานแต่งเค้า เราก็บ้าจี้ทำไปได้ ใครอยากได้พิธีกรค่าตัวไม่แพงก็สามารถมาจ้างงานผมได้นะ ทำได้หลากหลายรูปแบบ

นักจัดกิจกรรม พออยู่มหาวิทยาลัยก็ได้รับโอกาสให้จัดกิจกรรมนั่น กิจกรรมนี้บ้างตามโอกาสจะเอื้ออำนวย หลังๆ ก็มีคนจ้างไปจัดงานให้เค้าบาง ทั้งไปช่วยๆ และไปเป็นตัวหลักในงาน บางทีก็แค่คิดให้เฉยๆ บางทีก็ต้องไปจัดกิจกรรมต่างๆ เหล่านั้นเองเลย แต่ละกิจกรรมก็จะมีอะไรที่สนุกสนานแตกต่างกันออกไปต่างๆ นานา

ครีเอทีฟ อีกหนึ่งอย่างที่ชอบทำโดยส่วนตัวด้วยนะก็คือสิ่งนี้ ว่างๆ ก็ชอบคิดอะไรแปลกๆ ใหม่ๆ อะไรที่คนทั่วไปไม่ค่อยคิดวชิรัตน์จะคิด โดยส่วนตัวคิดว่าถ้าสมองไม่ใช้เลยความคิดจะตันแล้วคิดอะไรสร้างสรรค์ๆ ไม่ได้ เลยเป็นคนชอบคิดนั้นคิดนี้ บางทีก็ออกแนวคิดมากเกินไปจนไม่จำเป็นด้วยซ้ำ

นี่เป็นเพียง ๙ อย่างที่คิดขึ้นมาได้ในตอนนี้ เห็นหรือยังล่ะว่าวชิรัตน์สามารถทำอะไรได้มากมาย ใครสนใจจ้างไปใช้งานหรือจะมาชวนไปทำอะไรก็ติดต่อมาได้นะ ทำได้ทุกอย่างยกเว้นอย่างเดียวคือทำให้มันดี เอิ๊กๆ วันนี้อัพบล็อกยาวมากมาย ยาวที่สุดในประวัติกาลเลยมั้งเนี่ย ไว้นึกได้ว่าทำอะไรได้อีกจะมาเล่าให้ฟังใหม่นะครับ

18 กันยายน 2551

อดทนเวลาที่ฝนพร่ำ

....อดทนเวลาที่ฝนพรำ อย่างน้อยก็ทำให้เราได้เห็นถึงความแตกต่าง เมื่อวันเวลาที่ฝนจาง ฟ้าก็คงสว่างและทำให้เราได้เข้าใจ ว่ามันคุ้มค่าแค่ไหนที่เฝ้ารอ....

เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับฝนอีกแล้วครับ ชีวิตข้าพเจ้าผูกพันธ์กับเรื่องของฟ้าของฝนเสียจริงๆ แถมคราวนี้มาเป็นเพลงเสียด้วย จริงๆ ก็ไม่ได้เจะมาเขียนบันทึกกับภาพยนตร์ฤดูที่แตกต่างหรือมาเขียนอะไรที่เกี่ยวกับฝนอีกหรอกครับ แต่เผอิญความรู้สึกในช่วงนี้มันรู้สึกเข้ากับเพลงนี้เสียจริงๆ ให้ดิ้นตาย

สิ่งแรกที่ต้องอดทนก็คือการเรียนครับ อดทนอย่างไงเหรอ ก็ช่วงนี้โปรเจ็คเยอะมากๆ แล้วก็มีสอบมีอะไรด้วย ต้องอดทนตั้งใจทำงานมากมาย ไม่ง่วงนอนหรือไปนั่งเล่น MSN หรือ Hi5 จนไม่เป็นอันทำการทำงาน แถมโปรเจ็คแต่ละตัวก็ยากเย็นแสนเข็ญจนต้องแก้แล้วแก้อีก นั่งเซ็งไปกันเลยทีเลย

สิ่งต่อมาก็เรื่องเงินเนี่ยละครับ ช่วงนี้ใช้เงินเปลืองมาก เป็นเดือนกันยายนที่โหดรายจริงๆ ต้องพยายามอดทนไม่ซื้อนั่นไม่กินนี่ แต่ยังไงก็มีเหตุให้ได้ใช้เงินอยู่ดี อยากเก็บเงินให้ได้สักก้อนแล้วไปดาวน์คอนโดมิเนียมเองสักห้อง ใกล้จะจบแล้วอยากมีที่อยู่เป็นของตัวเองบ้าง เพราะคงจะได้ทำงานใน กทม แน่ๆ

เรื่องถัดไปที่ต้องอดทนก็เรื่องสุขภาพ ช่วงนี้ปวดหัวบ่อยๆ อาจจะเพราะผลกระทบจากการพักผ่อนน้อย แล้วก็ปวดหลังมากๆ วันก่อนลื่นล้มในห้องเรียน(แล้วด้วยความประสาท)ก็เอาหลังไปฟาดกับคิ้วบันได เพราะแบกและกอดโน้ตบุ๊คไว้ข้างหน้าสุดชีวิต ถ้าโน้ตบุ๊คเจ๊งมากก็คงจะซวยอีกเป็นแน่แท้ แต่เจ็บหลังจริงๆ หลายวันแล้วนะก็ไม่หาย

เรื่องสุดท้ายที่ต้องอดทนก็คงเป็นเรื่องความรักมั้ง(เสี่ยวว่ะ) ต้องทำอะไรที่ขัดกับหัวใจตัวเอง พยายามทำอะไรตรงข้ามกับที่ต้องการ เซ็งจริงๆ เลย เพราะรักเค้ามากล่ะมั้งจึงอยากให้เค้าได้เจอคนที่ดีๆ กว่าเรา พยายามอดใจไม่พูดไม่คุย อดทนเวลาที่เค้าติดต่อเค้ามา เหอๆ ชีวิตมันก็เป็นแบบนี้ล่ะ

ช่วงนี้คงต้องอดทนต่อไปเพราะว่าเป็นฤดูฝนหนิ อีกไม่หนาวก็ฤดูหนาว(ฤดูเหงา)ก็จะมาเยี่ยมเยือนล่ะ หรือเราจะวิ่งฝ่าสายฝนไปเล่นน้ำฝนเลยดีไหม หลังฝนซาฟ้าย่อมสดใสพร้อมสายรุ้งงาม

15 กันยายน 2551

ยอมแพ้ Hi5 แล้วครับ

ความเดิมตอนที่แล้วๆๆๆๆ คือให้ตายยังไงข้าพเจ้าก็ไม่คิดจะทำ Hi5 ค่อนข้างแน่นอน เพราะมี Blog เยอะแยะจนดูแลแทบไม่ไหว พยายามหาเหตุผลต่างๆ นานาจากบุคคลที่รู้จัก รวมไปถึงมีการ(แอบ)ทำสำรวจเล็กๆ น้อยๆ ว่าคนที่รู้จักในอินเทอร์เน็ตทำ Hi5 มากน้อยเพียงใด แล้วก็พบว่าประมาณร้อยละ 80 ในรายชื่อทำ Hi5 กันแทบทั้งนั้น

สุดท้ายข้าพเจ้าก็ได้ดูฤกษ์งามยามดี เวลา 0:14 น. ของวันที่ 14 กันยายน 2551 ในการสมัครสมาชิก Hi5 ครับ เพราะไปเช็คจากเว็บมหาหมอดูแล้วเป็นเทวีฤกษ์(เอากับมันสิ) เป็นฤกษ์ที่เหมาะสำหรับ การเข้าหาผู้หลักผู้ใหญ่ การหมั้นหมายและสมรส การส่งตัวเจ้าสาวและเข้าห้องหอ การทำกิจการที่ต้องการชื่อเสียงและมีเสน่ห์ งานมีเกียรติ งานเชิงศิลปะตกแต่งชั้นสูง เปิดร้านค้าอัญมณีเครื่องประดับ ร้านเสริมสวย ตัดเย็บเสื้อผ้า การประชาสัมพันธ์ ลาสิกขาบท ขึ้นบ้านใหม่ ขอความรัก งานเพื่อความสงบเรียบร้อย และ สารพัดงานมงคลทั้งปวง เหมาะสุดๆ ในช่วงนี้เลย - -"

Hi5 ของผมก็คือ http://ubyiii.hi5.com ดูเหมือนว่าจะสมัครขึ้นมาตามแรงยุเพื่อสนองกระแสแบบคนอื่นๆ หรือเปล่า จริงๆ แล้วไม่ใช่ครับ สมัครมาเพื่อศึกษาระบบ(ไม่น่าเชื่อว่าจะมีสาระ!) เพราะเดี๋ยวต้องทำ Senior Project ประมาณเว็บ Hi5 ด้วย ก็เลยสมัครเพื่อมากดๆ ดูระบบของมันนะครับ

แต่ก็เสียเวลาไปแทบทั้งวันกับ Hi5 ทั้งที่โปรเจ็คมากมาย และใกล้การสอบปลายภาคแล้วด้วย แต่ก็ยังสนุกสนานกับระบบของ Hi5 ตอนนี้ก็เลยมานั่งๆ ทำการวิเคราะห์ว่าทำไมคนไทยถึงติดเจ้า Hi5 นี้จัง ไว้ถ้ามีโอกาสดีๆ จะมานั่งระดมสมองให้ได้มาถกมาเถียงกันนะครับ

ไม่น่าเชื่อว่าจะหาเรื่องอัพบล็อกได้ก่อนสอบและทำโปรเจ็คมากมาย เอิ๊กๆ

12 กันยายน 2551

ทำไมต้อง Hi5

...."พี่หยกเล่นไฮไฟว์ไหมค่ะ"....
...."หยกมีไฮไฟว์ไหม"....
...."แอดไฟว์กรูมาดิ"....
...."เดี๋ยวไปเม้นในไฟว์นะ"....
แล้วข้าพเจ้าจำเป็นต้องมีต้องไฮไฟว์เหมือนคนอื่นๆ เค้าด้วยเหรอ ????

จริงๆ โดยส่วนตัวก็รู้จักเจ้า Hi5 เนี่ยมานานแล้วนะ ประมาณ ๓ ปีแล้วมั้ง ก่อนที่กระแสฮิตๆ มันจะมีมาด้วยซ้ำ มันก็เป็น Web Log ยี่ห้อหนึ่ง โดยส่วนตัวตอนนั้นก็ทำ My.iD ที่เด็กดีอยู่แล้ว เลยไม่ได้คิดว่าจะทำไฮไฟว์ เพราะคนปกติก็น่าจะมีบล็อกแค่ที่เดียว(หรือเปล่า?) สรุปเลยไม่ได้ทำ

แต่ทุกวันนี้กระแสไฮไฟว์มันมากแรงมากๆ ข้อดีของมันอาจจะอยู่ตรงที่เป็น Social Networking ด้วย ก็คือเป็นสังคมเครือข่าย ประมาณว่าเราเป็นเพื่อนนายเอ เอเป็นเพื่อนบี บีเป็นเพื่อนโอ โอเป็นเพื่อนเรา อะไรแบบนี้ ทำให้เราจะได้พบหน้าเพื่อนที่ห่างกันไปนาน หรือญาติที่ไม่เคยรู้จัก ฯลฯ ดูเหมือนจะดีนะ แต่ข้าพเจ้าไม่ชอบ!!

ข้าพเจ้าเป็นคนหนึ่งละที่มีโลกหลายโลก มันเป็นยังไงเหรอ คือแล้วแต่บทบาทในแต่ละงานหรือหน้าที่ไง เช่น อยู่บ้านก็จะเรียบร้อย อยู่โรงเรียนหรือมหาวิทยาลัยก็จะบ้ากิจกรรม อยู่ในที่ทำงานก็จะทางการวิชาการ ฯลฯ ถ้าทำให้ทุกโลกมารวมกันแล้วสถานภาพและบทบาททางสังคมคงจะงงดี ยอมรับว่าดูเหมือนเป็นคนเลว ที่ในแต่ละงานจะแสดงบทบาทที่แตกต่างกัน แต่ก็เป็นแบบนั้นจริงๆ ก็ผมเป็นชาวราศีเมถุนหนิครับ มีหลายด้าน หลายมุม

ตอนนี้เห็นกระแสเด็กไทยที่ใครๆ ก็มี Hi5 เป็นเรื่องปกติ ประดุจดังบัตรประจำตัวประชาชนที่ทุกคนต้องมีนอกจากโทรศัพท์มือถือกับอีเมลล์ไว้ออนเอ็ม ตกเย็นก็จะไปเม้นกันใน Hi5 (แล้วกลางวันทำไมพวกแกไม่คุยกันหรือคุยใน msn แทน) ใครไม่มีก็จะถูกมองว่าเฉย ตัวประหลาด มาจากประเทศไหน(ขอเถียงว่าต่างประเทศไม่ได้บ้า Hi5 เหมือนเด็กไทยนะ)

สรุปแล้วข้าพเจ้าควรจะทำ Hi5 ใช่ไหม ?

11 กันยายน 2551

เลี้ยงน้องโรงเรียน

เป็นเดือนกันยายนที่แสนยากจน มีแต่ภาระจ่ายเงิน ซื้อของนั้นของนี้ ไปกินนั้นกินนี้ เดินทางไปนั้นไปนี้ เงินหายไปไหนอย่างรวดเร็ว น่าตกใจมากใช้เงินเปลื้องจริงๆ เลยกระผม ล่าสุดก็ไปเลี้ยงน้องโรงเรียนที่ติดจุฬาฯ มา พระเจ้า!! ต้องกดเงินมาเพิ่มเพื่อมาใช้ เฮ่ออออ ได้จ่ายอีกแล้ว

ไม่น่าเชื่อว่าโรงเรียนเล็กๆ อย่างโรงเรียนปิยะมหาราชาลัยของผม แม้จะเป็นโรงเรียนประจำจังหวัดนครพนม แต่ก็มีคนมาเรียนที่จุฬาฯ น้อยมากมาย ส่วนใหญ่อาจจะเพราะน้องๆ กลัวคะแนนไม่ถึงเลยไม่ยื่นกัน แล้วก็เพราะส่วนใหญ่ไปเข้ามหาวิทยาลัยส่วนภูมิภาคอย่าง มหาวิทยาลัยขอนแก่น อุบลฯ มหาสารคาม เกษตรฯ-สกลนคร กันหมดเลย แต่ละปีเลยจะมีเด็กเข้ามาเพียงนิดเดียว

อยากจัดค่ายแนะแนวการศึกษาเหมือนจังหวัดอื่นๆ เพื่อให้มีเด็กจากนครพนมมาศึกษาต่อที่จุฬาฯ มากขึ้น แต่ปัญหาก็คือคนของเราน้อยเหลือเกิน พี่ๆ ก็ไม่เยอะทั้งจำนวนและทุนทรัพย์ จะให้จัดค่ายก็ไม่ไหว เลยทำให้มีคนมาเรียนต่อที่จุฬาฯ น้อยมากๆ เมื่อเทียบกับโรงเรียนอื่นๆ ที่มากันทีมากมายเหลือคณานับ

ได้แต่ฝากความหวังกับน้องๆ รุ่นนี้ว่าจะทำการประชาสัมพันธ์ข่าวสารการรับตรงให้น้องๆ ที่นครพนมรู้ให้มากที่สุด แต่คนก็มีอยู่เท่านี้เอง ต้องช่วยๆ กันแล้วครับผม

09 กันยายน 2551

ฝนตก ฟ้าร้อง ฟ้าแลบ

ณ ตอนนี้กำลังอยู่ที่ระเบียงทางเดินชั้น ๓ ปีกพญาไทของหอจำปี หอพักนิสิตจุฬาฯ นั่นล่ะ นั่งเซ็งๆ ไม่มีอะไรทำ(จริงๆ นะงานมากมายแต่ไม่มีอารมณ์ทำ) แถมฝนก็ตกหนักมากมาย ไม่สามารถออกไปที่ไหนได้ เลยมานั่งเขียนบล็อกดีกว่า ชดเชยช่วงที่ไม่ค่อยได้เขียนเท่าไร ทั้งที่ไม่ค่อยมีคนได้อ่านก็ตามแต่

เห็นฝนตกก็อยากไปเล่นน้ำฝนจัง แต่ก็กลัวคนมองว่าประสาท ถ้าอยู่ต่างจังหวัดเนี่ยจะออกไปเล่นน้ำฝนให้สบายใจแล้ว นอกจากสายฝนที่ชุ่มฉ่ำก็ยังมีฟ้าแลบ ฟ้าร้อง มาเพิ่มบรรยากาศให้มีความน่าตื่นเต้นว่ามันจะลงมาใกล้ๆ เราหรือเปล่า โอกาสที่คนเราจะโชคดีโดนฟ้าผ่ามาโดนตัวเนี่ย ข้าพเจ้าว่ามันยังน้อยกว่าโอกาสถูกลอตเตอร์รี่รางวัลที่ ๑ ด้วยซ้ำ

ชื่อของข้าพเจ้า(วชิรัตน์)แปลว่าสายฟ้า เดาเองว่าตอนเกิดเนี่ยผู้ปกครองคงเห็นสายฟ้ามั้ง เพราะเกิดช่วงหน้าฝนด้วย แต่ก็ได้ความมาว่าผู้ปกครองตั้งมั่วๆ - -" แต่ก็ชอบความหมายนะ เพราะเวลาที่ฝนตกจนท้องฟ้ามืดมิด เราก็จะได้เห็นแสงสว่างจากสายฟ้าเนี่ยล่ะ ถึงมันจะมาเป็นระยะเวลาสั้นๆ แต่มันก็ช่วยให้แสงสว่างในความมืดมิดได้

และเท่าที่สังเกตุ คนส่วนใหญ่ไม่ได้กลัวฟ้าแลบนะ กลัวเสียงของฟ้าร้องต่างหาก แต่ฟ้าแลบก็แลบก่อนฟ้าร้องประมาณเกือบ ๑๐ วินาที ก็เหมือนเป็นการเตือนแล้วว่าเดี๋ยวจะมีเสียงฟ้าร้อง ให้เราเตรียมตัวแล้ว แถมการได้ยินเสียงฟ้าร้องข้าพเจ้าคิดว่ามันเป้นการดีเสียอีกที่ได้ยิน เพราะนั้นแสดงว่าเราไม่ถูกฟ้าผ่าตาย หุหุ

บันทึกคราวนี้ดูเหมือนจะมีสาระ แต่ยังไงมันก็ไม่มีสาระอยู่ดี ไว้คราวหน้าจะมาเขียนอะไรไร้สาระอีกบ่อยๆ นะครับ

08 กันยายน 2551

ปล่อยวาง

บางทีบางครั้งก็รู้สึกเบื่อๆ เซ็งๆ ไม่อยากจะทำอะไรเลยสักอย่าง ไม่อยากทำทุกอย่างที่ทำตามปกติในแต่ละวัน อยากนอนไปทั้งวัน หรือไม่ก็ไปเที่ยวทะเลโดดน้ำให้สะใจไปเลย แต่ปัญหาก็คือเราไม่สามารถทำอย่างที่ใจต้องการแบบนั้นได้ง่ายๆ หรอก ตราบใดที่เรายังต้องอยู่ในสังคม เราจะหนีไม่ได้!!

บางทีข้าพเจ้าก็สนใจทุกเรื่อง บางทีข้าพเจ้าก็ไม่สนใจสักเรื่อง อารมณ์แปรปรวนอย่างกับผู้หญิงมีประจำเดือนเสียอย่างนั้นเลย เพราะอะไรถึงได้มีความรู้สึกบ้าบอแบบนี้ เพราะใครกันถึงทำให้ข้าพเจ้ามีความรู้สึกแบบนี้ หรือเพราะเป็นชาวราศีเมถุนจึงมี ๒ ลักษณะนิสัยที่ต่างกันสุดขั้วแบบนี้ แต่นี่มันก็แตกต่างกันเกินไปหรือปล่าวเนี่ย

ตอนนี้อยาก"ปล่อยวาง"ทุกสิ่งและทุกอย่าง บางทีเราสู้กับทุกปัญหาหรือทุกเรื่องราวไม่ได้ การหนีปัญหาก็เป็นทางออกที่ดูเหมือนว่าจะดี แต่ไม่ได้หนีไปอย่างถาวร แค่นี้ออกมาตั้งหลักชาร์ตตัวเองให้มีพลังงานเต็มประจุ แล้วทีนี้ก็จะสามารถสู้กับทุกปัญหาที่เจอเข้ามา

ขอจบบล็อกวันนี้ไว้แค่นี้ดีกว่า เขียนไปก็ไม่มีใครอ่าน เอาไว้ระบายส่วนตัวอย่างที่คิดไว้เลย คนที่อยากให้อ่านคงจะลืมไปแล้วกระมังว่ามีบล็อกนี้อยู่ ช่างมันๆ เอาไว้ให้มันเป็นที่ปลดปล่อยอารมณ์และความรู้สึก เป็นโลกที่ไม่มีใครรู้จักดี เฮ่ออออ อยากไปที่ที่ไม่มีใครรู้จักเลย จะได้ทำอะไรบ้าๆ ได้เต็มที่

06 กันยายน 2551

อุปสรรคเมื่ออยากทำอะไร

เคยไหมครับเมื่อคุณมีความตั้งใจที่จะทำอะไรสักอย่าง ก็มักที่จะมีอุปสรรคเข้ามาเป็นบททดสอบหรือบทลองใจให้เราไม่สามารถทำตามสิ่งที่เรามีความตั้งใจ(เป็นอย่างยิ่ง)ที่จะทำมัน สุดท้ายก็ต้องพ่ายแพ้ให้กับกิเลศหรือสิ่งยั่วยุเรานั้นอยู่ดี ชีวิตช่างน่าเศร้าจริงๆ

อยากไปอบรมคอมพ์ในวันเสาร์ อบรมจัดรายการในวันอาทิตย์ ไปเดินดูงานทั้งวันเสาร์และอาทิตย์เดียวกัน แต่ก็ต้องมีสัมมนาให้ได้ไปต่างจังหวัด ทำให้เราต้องได้เลือกว่าจะเอาอย่างใดอย่างใด ทำไมสัปดาห์ที่ข้าพเจ้าว่างมากๆ มันถึงไม่มีการจัดงานใดๆ เลย เหมือนกับว่านัดกันจัดงานพร้อมกันอย่างนั้นล่ะ

อยากลดน้ำหนักเพื่อสุขภาพที่ดี เพื่อให้มีคนมาสนใจ(สำหรับคนที่ชอบมองคนแต่ภายนอก) แต่แล้วแผนการที่จะไปออกกำลังกายก็ต้องพังลงเพราะงาน งาน และงาน ใครอาจจะหาว่าข้าพเจ้าเอางานมาเป็นข้ออ้าง ถ้าคุณโดนประชุมถึงเที่ยงคืนเป็นอย่างน้อยทุกคืน คุณจะอ้างว่าทำงานเลยไม่มีเวลาไหม? นอกจากนั้นก็ต้องทานอาหารดึกๆ อีกทั้งเวลาที่คุณพยายามจะลดน้ำหนักก็ดูเหมือนว่าอาหารทุกอย่างจะดูน่ากินมากๆ จมูกจะได้รับกลิ่นอาหารได้ดียิ่งขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ ทำไมตอนไม่ลดน้ำหนักถึงไม่มีอะไรให้อยากกิน ทำไมตอนที่จะลดต้องมีอุปสรรคแบบนี้

นี่ก็เป็นเพียงแค่ตัวอย่างบางส่วนในชีวิตประจำวันของข้าพเจ้า ที่จะต้องเจออะไรที่มันงี่เง่าแบบนี้ ชีวิตคนอื่นๆ อาจไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ แต่ชีวิตของข้าพเจ้าโรยด้วยกลีบกุหลาบแต่พร้อมขวากและหนามของกิ่งด้วย เฮ่อ! ว่าแล้วก็ขอไปนอนอืดเกลือกกลิ้งบนเตียงต่อดีกว่า ไม่ไปออกกำลังกายล่ะ ฝนก็ตก ม็อบก็มากมาย นอนดีกว่า....